PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บรรยากาศขมึงตึง ประยุทธ์ตัดเกมฟ้อง “ขาประจำ-กองกำลัง” ป่วน!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
12 ตุลาคม 2558 07:36 น.
ผ่าประเด็นร้อน 
       
       ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา และน่าแปลกใจทีเดียวที่จู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลง “สารจากใจ” ของเขาถึงแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญ แนวทางการปรองดองในชาติในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น อาจมีความจำเป็นที่ในฐานะผู้นำสูงสุดมีความจำเป็นที่ต้องแสดงท่าทีออกมาให้สังคมได้เห็นกันบ้าง อย่างไรก็ดี ที่น่าแปลกใจก็คือ ในการแถลงคราวนี้มีการเจาะจงให้มีการ “เปิดเผยบางเรื่องสำคัญ” ที่ไม่เคยเผยออกมาแบบ “เจาะจง” เช่นนี้มาก่อนเลยให้สังคมได้ทราบ
       
       โดยเฉพาะข้อความที่มีการเจาะจงในเรื่อง “กองกำลังทราบฝ่าย” พวก “ขาประจำ” ที่บิดเบือนมีเจตนาสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง โดยอ้างเอาเรื่องเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาเป็นสาเหตุในการโจมตี
       
       ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงเหตุผล และความจำเป็นของฝ่ายอำนาจรัฐ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องนำเรื่องสำคัญแบบนี้มาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ชนิดที่เรียกว่า “ประจาน” มันย่อมไม่ธรรมดา ถ้าให้คาดเดาก็พอรับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีรายการ “น่าตึงเครียด” รออยู่ข้างหน้าแน่นอน เพราะการเปิดโปงเรื่องดังกล่าวนั่นย่อมหมายถึงการแสดงท่าทีแบบ “เปิดหน้าชก” เป็นไงเป็นกัน ไม่ต้องเกรงใจกันอีกแล้ว
       
       “เรื่องการสร้างความปรองดอง ประเด็นที่ 1 หลักการปรองดอง หลายคนอ้างว่าหากจะเดินหน้าประเทศ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ต้องนิรโทษกรรมทันที ประเทศชาติจึงจะสงบสุข ก็ต้องตั้งคำถามกลับไปว่า กระบวนการยุติธรรมซึ่งทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันมันหายไปไหน หากยอมรับข้อกล่าวหาแล้วเข้ามาต่อสู้คดีความตั้งแต่แรกคงไม่เกิดปัญหา ไม่ต้องมี คสช. ไม่ต้องมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจากการกระทำของกองกำลังที่อ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด ทั้งที่มีการจับกุม ดำเนินคดี ตัดสินความผิด ชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำหลายรายแล้ว ทุกคนทราบดีว่าพวกนี้สนับสนุนใคร หากเป็นการสนับสนุนตามกระบวนการประชาธิปไตย รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยธรรมาภิบาล เหตุการณ์เหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ประชาชนไม่ต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน”
       
       “คสช.และรัฐบาลเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นตรงกันว่าการสร้างความปรองดอง คือ การสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยยังคงยึดมั่นในกฎหมาย มิใช่ละเมิดความถูกต้องของกฎหมาย ใครผิดก็ยังต้องถูกลงโทษโดยกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด และเสมอภาค มิฉะนั้นเท่ากับเราสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ที่ไร้วินัย เมื่อไม่มีอะไรเป็นหลักการให้รักษาอีก ความโกลาหลก็จะเกิด ความไร้ระเบียบจะตามมาอีกมากมาย”
       
       นั่นเป็นข้อความในสารบางตอนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านทางการแถลงของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันก่อน ได้สะท้อน “บางอย่าง” ออกมาได้ชัดเจนจากปากของเขาแบบเป็นทางการครั้งแรก อย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
       
       นั่นก็หมายความว่า ไม่มีการเกรงใจ พร้อมเดินหน้าลุยกันเต็มตัว แม้ว่าที่ผ่านมา เครื่อข่ายที่เรียกร้องให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 การสร้างกระแส “ไพร่-อำมาตย์” เพื่อสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง ก็คือพวกที่มีเจตนาทำลายสถาบันฯ พวกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุชัดเจนแล้วว่า “ทราบฝ่าย” พวกนักวิชาการ “ขาประจำ” ที่มีเจตนาทำลายความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ล้วนเป็นพวกเครือข่ายเดียวกัน และมีใครอยู่เบื้องหลัง
       
       แน่นอนว่า ความเข้าใจเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนสำหรับชาวบ้านที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับคนที่ออกมาขับไล่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เพราะทนไม่ไหวกับความไม่ถูกต้องดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายต่อเนื่องมาถึงยุคของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับพยายามย้ำว่านี่คือ “ความแตกแยก” ของคนในชาติ ต้องออกมาห้ามทัพ
       
       เมื่อมาถึงวันนี้ วันที่มีการประกาศว่า มี “กองกำลังทราบฝ่าย” มีพวกเผด็จการรัฐสภา รัฐบาลทุจริต ขาดธรรมาภิบาล มีเว็บไซต์ทำลายความมั่นคง รวมไปถึงพวกนักวิชาการ “ขาประจำ” ที่อ้างเอาเรื่องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน มาบังหน้า โดยมีเจตนาคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมไปถึงการยืนยันว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมโดยอ้างเรื่องการปรองดองส่งเดช ตราบใดที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การระบุแบบเฉพาะเจาะจงแบบนี้รับรองว่าย่อมมีเป้าหมายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหากเข้าใจไม่ผิดก็ต้องเป็น ทักษิณ ชินวัตร กับพวกเท่านั้น เพราะคงไม่มีฝ่ายอื่น
       
       ดังนั้น การระบุแบบนี้มันก็หมายความว่าไม่มีการเกรงใจกันอีกต่อไปแล้ว ขณะเดียวกัน ก็คงมองเห็นแล้วว่าได้เห็นการเคลื่อนไหวมีอย่างต่อเนื่องและหนักข้อกว่าเดิม จึงต้องจัดการให้เด็ดการเหมือนกัน! 

ไม่มีความคิดเห็น: