PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แกนนำแดงอุบลพบบิ๊กตู่เสนอตัวร่วมพัฒนาประเทศ



12 พ.ย. 58 เมื่อเวลา 07.45น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี  นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางจากฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก ดอนเมือง เดินทางโดยเครื่องบินแอมแบร์ บ.ท.135  มายังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ พร้อมด้วยทหาร ตำรวจและข้าราชการให้การต้อนรับ โดยมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยคุ้มกันอย่างเข้มงวด
จากนั้น เวลา 09.30 น. นายกฯ และคณะ เดินทางถึงบ้านยางกะเดา ต.ท่าเมือง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการสนับสนุนด้านการเกษตร ต่อด้วยการตรวจเยี่ยมการดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบด้วย กิจกรรมกองทุนหมู่บ้าน ตำบลละ 5 ล้านบาท โรงสีหมู่บ้าน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และตลาดประชารัฐ
ทั้งนี้ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินตรวจเยี่ยมและพบปะประชาชนในตลาดประชารัฐอยู่นั้น ได้มี นายจำรูญศักดิ์ จันทรมัย แกนนำ นปช.จังหวัดอุบลราชธานี ประสานกับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอพบพูดคุย กับนายกฯ เพื่อเสนอตนเข้าร่วมพัฒนาประเทศ โดยทันทีที่พบ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับ นายจำรูญศักดิ์ ว่า"เป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องช่วยกัน แล้วทำให้ดี ผิดถูกเป็นเรื่องของกฏหมาย ก็ว่ากันไป ถ้าไม่มีอะไรก็ช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยวันนี้ แล้วจะช่วยวันไหน สงสารประชาชนเขาไหม เราแพ้ชนะกัน แต่คนเดือดร้อน คือ ชาวบ้าน ข้าราชการ เดือดร้อนหมด มันไม่ได้ วันนี้ไม่ได้ว่าคุณต้องมาเข้าข้างผม หรือเข้าข้างใคร แต่ต้องทำให้ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขาทำเพื่อประชาชนจริงๆ โอเคไหม" นายกฯ กล่าว
โดยนายจำรูญศักดิ์ ได้ตอบกลับนายกฯว่า พร้อมที่จะร่วมพัฒนาร่วมกัน จากนั้น นายกฯ ได้หยอกล้อกับ นายจำรูญศักดิ์ อย่างอารมณ์ดี พร้อมตบไหล่ และโอบกอด พร้อมระบุว่า"ไม่กลัวเขาว่าอะไรหรือ" ขณะที่ นายจำรูญศักดิ์ ตอบกลับว่า"ไม่กลัว เราทำเพื่อชาติ"
นายจำรูญศักดิ์ กล่าวภายหลังด้วยว่า ที่ผ่านมา ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ได้ช่วยให้ประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งหากมีการเลือกตั้งในเวลานี้ ในขณะที่ความขัดแย้งยังมีอยู่ ประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าได้ ที่ผ่านมา ตนพยายามพูดคุยกับแกนนำ นปช.ในหลายจังหวัดว่า ให้มาช่วยกัน เพราะหากยังเป็นอย่างนี้อยู่ ต่อให้อีกยี่สิบปีข้างหน้า ปัญหาก็จะไม่จบ ดังนั้น จึงต้องหยุดอยู่คนละครึ่งทาง ให้เวลานายกฯ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา ประชาชนให้การยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น และมีอีกหลายส่วน ที่ไม่แสดงออก จึงต้องมีคนกลางเข้ามา นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์
อย่างไรก็ตาม การเสนอตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ ตนไม่กังวลว่า จะกระทบต่อแกนนำ นปช.คนอื่นๆ ซึ่งในบรรดาแกนนำด้วยกัน มีหลายอุดมการณ์ และอยากให้รัฐบาล สิ่งที่ตนอยากได้จากรัฐบาลมากที่สุด คือจัดการกับการทุจริตคอรัปชั่น และยอมรับว่า การดำเนินคดีในโครงการรับจำนำข้าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือว่าเตะกล่องดวงใจคนเสื้อแดง แต่ขอให้ทำทุกอย่างตามขบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้อง และสามารถพิสูจน์ได้ เพราะที่ผ่านมา คนเสื้อแดงต่างไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายๆ เรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร คอยตรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบงาน รวมถึงมีหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดคอยสแกนพื้นที่โดยรอบ ขณะที่การตรวจค้นบุคคลเข้า-ออก ที่ทางเข้างานนอกจากต้องผ่านเครื่องแสกนโลหะแล้ว ยังมีการขึงผ้าเป็นสองห้องแบ่งเป็นชาย-หญิง เพื่อตรวจค้นร่างการโดยละเอียด ทั้งนี้ ก่อนนายกฯ จะเดินทางมาถึง ได้มีการสั่งให้รื้อถอนป้ายไวนิลขนาดใหญ่ สูงกว่า 2 เมตร กว้างประมาณ 8 เมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้างาน โดยมีข้อความร้องเรียนขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เพื่อดำเนินโครงการเลี้ยงโค-กระบือ ของกลุ่มสหกรณ์เกตรกรไทยพอเพียงจำกัด โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า สาเหตุที่ต้องมีการรื้อถอนเนื่องจากเป็นหนังสือร้องเรียน ซึ่งในพื้นที่งานก็ได้มีการจัดพื้นที่รับเรื่องราวร้องทักข์จากศูนย์ดำรงธรรมไว้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีจะพบปะกับประชาชนราว 2,000 คน เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนในพื้นที่และนำไปสู่การแก้ไขต่อไป ซึ่งคาดว่า ปัญหาที่ประชาชนเตรียมร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี อาทิ ปัญหาโรงงานผลิตเอทานอล ปล่อยน้ำเสีย ปิดกั้น บุกรุกทางสาธารณะ และแหล่งน้ำสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ปัญหาโรงโม่หิน ที่ อำเภอน้ำยืน รุกพื้นที่ป่าสงวน ก่อให้เกิดฝุ่นละอองต่อประชาชน และนักเรียน รถบรรทุกน้ำหนักเกินทำให้ถนนเสียหาย และปัญหาการก่อสร้างถนน 4 เลน อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ งบประมาณ 930 ล้านบาท ที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
จากนั้นในเวลา 11.45 น. นายกรัฐมนตรตรี และคณะ จะเดินทางไปยัง ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เพื่อเข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อยกับภาคเอกชนส่วนกลาง ต่อด้วยเป็นประธานการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ประกอบไปด้วย จ.อุบลราชธานี จ.ยโสธร จ.ศรีสะเกษ และ จ.อำนาจเจริญ เพื่อหารือร่วมกันเป็นเรื่องของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ มาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอี การส่งเสริมการลงทุนว่า มีความคืบหน้า และมีปัญหาอุปสรรคมากน้อยเพียงใด ตลอดจนมาตรการในการบรรเทาภัยแล้ง และบทบาทของภาคธุรกิจที่จะมาสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลในพื้นที่ 

ไม่มีความคิดเห็น: