PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เปิดตัวขุนพลข้ากาย"บิ๊กหมู"

รายงานพิเศษ

สยบกระแส "แช่แข็งประเทศ" "บิ๊กตู่" ถอย วาทกรรม "ปิดประเทศ" เปิดตัว ขุนพล ข้างกาย "บิ๊กหมู" "บิ๊กโชย-บิ๊กปาน-บิ๊กบี้-บิ๊กหนุ่ย" จับตา "บิ๊กเจี๊ยบ" รบพิเศษ กลางดง "บูรพาพยัคฆ์"

มติชนสุดสัปดาห์ 6-12 พฤศจิกายน 2558



หลังจากที่ คำพูด ที่ว่า "การเมืองไม่ต้องระแวงผม เขียนกันทุกวันว่าผมอยากอยู่ในอำนาจหรืออยากอยู่ต่อ หากไม่สงบเรียบร้อย ผมก็ต้องอยู่ เอายังงี้มั้ย พูดกันให้รู้เรื่องสักที อยู่ที่ท่านนั้นแหละ หากไม่เลิกกันก็อยู่กันอย่างนี้ ปิดประเทศก็ปิดกันไป ผมไม่ได้ท้าทาย หากจะเอาประชาชนมา แกนนำจะโดนก่อน คนพูดมากๆ โดนก่อนหมด ผมมีอำนาจของผมอยู่" ของ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย เมื่อ 28 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา 

จนกลายเป็นเรื่องฮือฮา และถูกนำไปตีความกันว่า บิ๊กตู่ จะอยู่ต่อ หากประเทศไม่สงบ และพร้อมที่จะ "ปิดประเทศ" อันสร้างความตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

เพราะมีการนำไปโยงกับ "แผนแช่แข็งประเทศ" นาน 5 ปี ที่ เสธ.อ้าย พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อครั้งนำมวลชนชุมนุมไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

รวมถึง กระแสข่าวก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ว่า หาก พลเอกประยุทธ์ ก่อการรัฐประหาร แล้ว จะใช้ "ยาแรง" ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรี เอง และจะอยู่ยาว 3-5 ปี หรือหาไม่สงบ กลุ่มอำนาจเก่า ยังจะกลับมา ก็จะต้อง "ปิดประเทศ" ไปเลย

จนทำให้ พลเอกประยุทธ์ ต้องรีบสยบความเข้าใจผิด นี้ ด้วยการยืนยัน ว่าไม่เคยคิด "ปิดประเทศ" เพราะมองว่า สถานการณ์ก่อน 22 พฤษภาคมนั้น ก็เป็นการปิดประเทศไปแล้ว ปิดทางความรู้สึก งบประมาณเบิกจ่ายไม่ได้ ประเทศไม่เดินหน้า นักท่องเที่ยวหนีหมด

"ผมต่างหากที่ตอนนี้กำลังพยายามจะเปิดประเทศ หลังจากที่ปิดมานานอยู่แล้ว แล้วผมจะไปปิดประเทศทำไม ยิ่งในสมัยนี้ปิดประเทศได้มั้ยเล่า แต่ที่พูดหมายถึง ผมไม่ต้องการให้กลับไปเป็นแบบนั้นอีก" พลเอกประยุทธ์ แจง

แต่ทว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของ โพลบางสำนัก ก็ระบุว่า ประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งขอการสำรวจ เห็นด้วยหากจะปิดประเทศ หากประเทศไม่สงบ 

จนพลเอกประวิตรออกมาระบุว่า เป็นการสะท้อนว่า ประชาชนต้องการความสงบ มากกว่า เรื่องประชาธิปไตย เพราะหากเลือกตั้งไม่ได้ หรือเลือกตั้งแล้วเกิดความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงคราม มีบาดเจ็บล้มตายกัน เมื่อถึงเวลานั้น "จะเอายังไงก็เอา" แม้จะยอมรับว่า เป็นหนทางที่ยังมองไม่เห็นในโลกยุคปัจจุบัน

แต่จากการประเมินของ ฝ่าย คสช. มองว่า ไม่ได้ทำให้ พลเอกประยุทธ์ เสียคะแนนนิยมไปจากวาทกรรม "ปิดประเทศ" หรือ "ไม่สงบ จะอยู่ต่อ" ทั้งการประเมินภายใน มองว่า พลเอกประยุทธ์ ยังสามารถอยู่ต่อไปได้อีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น 

โดยจะดูสถานการณ์ตอนเลือกตั้งกรกฎาคม 2560 อีกที



จึงไม่แปลกที่ บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นทั้ง เลขาธิการ คสช. และ รอง ผอ.รมน. และผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ คสช. จะเร่งเดินหน้าในการช่วยชี้แจง และสยบข่าวลือ ความเข้าใจผิด แทน พลเอกประยุทธ์ และรัฐบาล 

ทั้งการส่งทหาร และสั่งให้ นักศึกษา รด. กว่า 3 แสนคน ทั่วประเทศ ไปช่วยชี้แจง เรื่องโรดแมพ และเจตนารมณ์ ความตั้งใจของนายกฯ

พร้อมทั้งส่งทหาร ลงไปทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ รวมทั้งเชิญผู้ว่าราชการจังหวัด ในกองทัพภาคต่างๆ ที่ตนเองไปเยือน มาประชุมทำความเข้าใจ ในแนวทางของรัฐบาลและ คสช. เพื่อเร่งรัดการทำงาน

เรียกได้ว่า พลเอกประยุทธ์ สั่งอะไร พลเอกธีรชัย รับปฏิบัติทันที เพื่อให้ยุติความหวาดระแวง หรือกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า ตัวเขาเองเป็นน้องรักของ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ แล้วจะฟังแต่ บิ๊กป้อม คนเดียว 

จนเวลานี้ไม่ว่าไปไหน ทำอะไร พลเอกธีรชัย จะต้อง อ้างอิง นโยบายและคำสั่งของ พลเอกประยุทธ์ ทั้งสิ้น 

แม้แต่ ม็อตโต้ ในการทำงาน ก็ยังเป็น "กองทัพเข้มแข็ง ประเทศมั่นคง" เพื่อให้สอดรับกับ "ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ยั่งยืน" ของ พลเอกประยุทธ์ ด้วย



ด้วยการเป็น ผบ.ทบ. ที่เปี่ยมอำนาจ เป็นศูนย์กลางอำนาจ เช่นนี้ ภารกิจของมากมาย พลเอกธีรชัย จึงต้องมีนายทหารขุนพล ข้างกาย มาช่วยงานสำคัญๆ จำนวนมาก แต่ทว่า ต้องผ่านการเลือกสรรมาแล้ว

ทั้ง บิ๊กปาน พลโทจิระพันธ์ มาลีแก้ว รอง เสธ.ทบ. แกนนำเตรียมทหาร 17 ถือว่า ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะขึ้นมาเข้าไลน์ เป็น รอง เสธ.ทบ. แล้ว บิ๊กหมู ยังเลือกให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ของ คสช. ด้วย

ทั้งนี้เพราะ พลเอกธีรชัย ในฐานะเลขาธิการ คสช. ปรับโครงสร้าง ให้ ศปป.มาขึ้นตรงกับ เลขาธิการ คสช. แทนที่เคยขึ้นตรงกับปลัดกลาโหม

ไม่แค่นั้น พลเอกธีรชัย ยังไว้วางใจ พลโทจิระพันธ์ ด้วยการมอบหมายให้เป็น ผู้จัดการทีมฟุตบอล ทบ. อาร์มี่ ยูไนเต็ด อีกด้วย แม้ พลโทจิระพันธ์ จะไม่ได้เป็น อดีตนักฟุตบอล รร.นายร้อย จปร. หรือเตรียมทหาร แต่ก็เป็นทหารนักรบ เพราะเคยเป็น ผบ.ร. 31 รอ. หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของ ทบ. โดยเจ้าตัว เผยว่า เป็นนักยูโด อีกทั้ง เป็นรอง เสธ.ทบ. (5) ที่คุมสายงานกิจการพลเรือนด้วย

แต่ที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นเพื่อนรุ่นน้องของ บิ๊กโชย พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. ที่ พลเอกธีรชัย ก็วางใจ มอบหมายให้เป็น CEO-ของสโมสร Army United เพราะเติบโตมาจาก ร.31 รอ. ด้วยกัน เพราะ พลเอกกัมปนาท เองก็ไม่ได้เป็นนักฟุตบอล แต่เป็นนักรักบี้ แต่ทว่า เป็น พลเอกกัมปนาท เป็น น้องรักของ พลเอกประยุทธ์

ไม่ได้มอบหมายให้ บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. ที่เป็นนักฟุตบอลแข้งทองของ ทบ. จนได้ฉายาในยุคใหม่นี้ว่า "เมสซี่ เจี๊ยบ" ที่ทุกวันนี้ ยังคงฟิตตามสไตล์ทหารรบพิเศษ เตะฟุตบอลอยู่

ที่สำคัญคือ ในยุค บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็น ผบ.ทบ. นั้น นายทหารที่ได้ชื่อว่า ลูกน้องของบิ๊กโชย ก็โดนเตะเข้ากรุ และหลายคน ไม่ได้ตำแหน่งที่คิดว่าควรจะได้ แม้ว่า พลเอกกัมปนาท ในเวลานั้น จะเป็น แม่ทัพภาค 1 ก็ตาม

จึงไม่แปลก ที่ในยุค พลเอกธีรชัย นี้ น้องรักของบิ๊กโชย อย่าง เสธ.โอรส พันเอกกัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ (ตท.27) จะได้ขยับเข้าไลน์ มาเป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. และจ่อที่จะเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังหลักในอนาคตอันใกล้ 

โดยมี เสธ.อ๊อบ พันเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี นายทหารรุ่นพี่ ตท.24 เป็น รอง ผบ.พล.1 รอ. ที่อาวุโส กว่า ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า ใครจะถึงฝั่งฝัน หรือว่าจะต่อคิวกัน



แต่ทว่า ผบ.พล.1 รอ. คนใหม่ ที่เรียกว่าเป็น ขุนพลข้างกายของ พลเอกธีรชัย ตอนนี้ คือ บิ๊กบี้ พลตรีณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ที่ก็เรียกว่า เป็น น้องรัก ที่โตมาจาก ร.31 รอ. กับ พลเอกกัมปนาท ด้วยเช่นกัน และเป็น ผบ.หน่วย ตอนกระชับพื้นที่ ปี 2553 ทำงานเคียงข้าง พลเอกกัมปนาท อีกทั้งยังเคยรับราชการใน พล.ร.2 รอ. มาอีกด้วย

พล.1 รอ. ถือเป็น ขุมกำลังรบสำคัญของกองทัพบก และกองทัพภาค 1 จนได้ฉายาว่าเป็น กองพลปฏิวัติ ของ ทบ. เป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาค 1

พลตรีณรงค์พันธุ์ เตรียมทหาร 22 ถือเป็นนายทหารนักรบอีกคน ที่ไม่ค่อยพูด เป็นคนเงียบๆ แต่ทำงานจริงจัง ไม่เคยปริปากบ่น ไม่ว่าภารกิจใด จนทำให้เขามีม็อตโต้ประจำตัวว่า "บี้ อดทน" เพราะความเป็นที่เป็นทหาร ก็ต้องอดทน นั่นเอง

พลตรีณรงค์พันธุ์ ถือเป็นเพื่อนรักของ บิ๊กหนุ่ย พลตรีธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 ที่ก็ถือเป็นขุนพลข้างกายตัวจริงของ พลเอกธีรชัย 

เพราะก่อนที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.พล.ร.9 ในโผโยกย้ายตุลาคมที่ผ่านมานั้น เขามานั่งเป็นฝ่ายเสนาธิการของ พลเอกธีรชัย ตอนเป็น ผช.ผบ.ทบ. ก่อนด้วย และเคยเป็น ผบ.ร.12 รอ. และ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ด้วย

จึงทำให้มีข่าวสะพัดมาตั้งแต่ก่อนการโยกย้ายตุลาคมที่ผ่านมาว่า พลตรีธรรมนูญ ซึ่งเป็นลูกหม้อของ พล.ร.2 รอ. จะขยับไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. แต่เนื่องจาก บิ๊กหิน พลตรีศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ น้องรักของ พลเอกอุดมเดช เพิ่งขึ้นมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. เมื่อเมษายน 2558 ที่ผ่านมา เกรงว่า อาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พลเอกธีรชัย กับ พลเอกอุดมเดช อีกได้



นี่จึงทำให้เกิดกระแสข่าวว่า โยกย้าย เมษายน 2559 นี้ พลเอกธีรชัย จะย้าย พลตรีธรรมนูญ กลับถิ่นบูรพาพยัคฆ์ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. แทน พลตรีศรีศักดิ์ ที่จะเป็นได้ครบ 1 ปี เพราะ พล.ร.2 รอ. ถือเป็นขุมกำลังรบหลักของ ทบ. อีกทั้ง พลเอกธีรชัย ก็เติบโตมาจาก พล.ร.2 รอ. นี้เช่นกัน

นอกจากนี้ พลตรีธรรมนูญ ยังเป็น ดาวรุ่งของ บูรพาพยัคฆ์ ที่ถูกวางตัวให้เป็น ผู้นำ ทบ. ในยุคต่อๆ ไป เพราะนอกจากเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และเป็นขุนพลคนสำคัญตอนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 แล้ว ยังเป็น น้องรักของ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี อีกด้วย

ไม่แค่นั้น พลตรีธรรมนูญ ยังคงทำหน้าที่ เป็นเสมือนนายทหารฝ่ายเสนาธิการ คอยให้คำปรึกษา พลเอกธีรชัย อยู่เงียบๆ อีกด้วย ทั้งในฐานะที่เคยเป็น ฝ่าย เสธ. และเป็นน้องรัก นั่นเอง



ทุกวันนี้ ขุนพลข้างกาย พลเอกธีรชัย ที่อยู่ใกล้ตัวนั้น นำโดย บิ๊กหม่อม หรือบิ๊กจิ๋ว พลตรี ม.ล.เพิ่มวุทธิ์ สวัสดิวัตน์ ที่เป็นเพื่อนรักของ พลเอกธีรชัย แต่ทว่า จบจากต่างประเทศ และเป็นเหล่าสารวัตรทหาร วันนี้จึงกลายเป็นทั้งฝ่าย เสธ. และเพื่อคู่คิดของ พลเอกธีรชัย

รวมถึงเป็นหัวหน้าทีม รปภ. ที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ พลเอกธีรชัย และเป็นคนที่พลิกโฉมหน้ากองทัพบก ด้วยการให้ สห.ทบ. มาทำหน้าที่ทีม รปภ.ผบ.ทบ. หลังจากที่ ผบ.ทบ. ในยุคก่อนๆ ใช้ทหารรบพิเศษ ใช้กองพันจูโจม รบพิเศษ และมาใช้ทหารเสือราชินี ร.21 รอ. กันมายาวนานต่อเนื่อง

แต่ พลตรี ม.ล.เพิ่มวุทธิ์ มองว่า สห.ทบ. นั้น ผ่านการฝึกหลักสูตรการอารักขา วี.ไอ.พี. มาอยู่แล้ว และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อม อีกทั้ง เขาเคยเป็นหัวหน้าทีม รปภ. ให้ บิ๊กสุ พลเอกสุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. ด้วยนั่นเอง

โดย สห.ทบ. ที่ทำหน้าที่ทีม รปภ.ผบ.ทบ. นั้น ไม่ได้แต่งชุด สห. แต่แต่งเครื่องแบบปกติเขียว พร้อมอุปกรณ์สื่อสารครบชุด โดยมี พลตรี ม.ล.เพิ่มวุทธิ์ ที่ถือวิทยุสื่อสาร หรือ ว. อยู่ตลอดเวลา คอยบัญชาการ



ขณะที่นายทหารทีมฝ่ายเสนาธิการ คนสำคัญของ พลเอกธีรชัย ก็มีทั้ง พลตรีศตวรรษ รามดิษฐ์ แกนนำ ตท.21 ที่เติบโตมาจาก พล.ร.2 รอ. และเคยเป็น ผบ.ร.2 รอ. เพราะเคยอยู่กับ พลเอกธีรชัย มาด้วยกัน และถูกมองว่า จะถูกส่งกลับมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. หรือไม่

นอกจากนี้ ฝ่าย เสธ.ผบ.ทบ. ยังมี เสธ.หนอง พลตรีสนอง ชูดวง พันเอกนิติปกรณ์ คชมหิทธิ์ รวมถึง เสธ.ตุ้ม พันเอกสิริศักดิ์ ตุ้มทอง ที่เป็นนายทหารฝ่าย เสธ. แต่เสมือนเป็น นายทหารคนสนิท (ทส.) ไปด้วยในตัว เพราะจะทำหน้าที่ดูแล เสื้อผ้าหน้าผม และงานต่างๆ ให้ บิ๊กหมู แบบที่เรียกว่า อยู่ใกล้ บิ๊กหมู มากที่สุด

พันเอกสิริศักดิ์ เป็นแกนนำ ตท.28 ที่กำลังเป็นคนดังของรุ่น เพราะเป็นลูกชายของ พลเอกอำพล ตุ้มทอง นายทหารนอกราชการ แต่ทว่ามีบารมี และเป็นความหวังของเพื่อนๆ

แต่เป็นธรรมดา ที่นายทหารที่โตมาจากรุ่นที่ติดกัน ใกล้กัน จะถูกจับตามองว่า เป็น รุ่นที่ควบแข่งมากับ เตรียมทหาร 27 รุ่นของ เสธ.โต พลตรี สุชาติ พรมใหม่ และ ผู้การโจ้ พันเอกคชาชาต บุญดี อดีต ผบ.ป.1 รอ. ที่ถูกบิ๊กหมู เด้งเข้ากรุ ฝ่าย เสธ.ประจำ กองทัพภาค 3 ที่ล้วนเป็นน้องรักของ พลเอกอุดมเดช



ตําแหน่งสำคัญ ที่ พลเอกอุดมเดช ได้จัดทัพเอาไว้ตอนเป็น ผบ.ทบ. และได้รับเสียงชื่นชม คือ การให้ความชอบธรรมแก่ ทหารรบพิเศษ ด้วยการให้ บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.หน่วยบัญชการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. เพราะเขาเติบโตมาตามไลน์ และเป็น ผบ.นสศ. ที่เปรียบเป็น แม่ทัพภาค 5 มานาน 3 ปี ได้ขึ้นมาสู่ห้าเสือ ทบ. และมาเป็นแคนดิเดท ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต แม้ว่าในยุคนี้ จะเป็นยุคทหารเสือราชินี ยุคบูรพาพยัคฆ์ ภายใต้ร่มเงาอำนาจของ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ที่เป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พลเอกประยุทธ์ นายกฯ ก็ตาม

แม้ว่า พลเอกเฉลิมชัย จะเป็นนายทหารรบพิเศษ ที่โตมาในสายของ บิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ บิ๊กบัง พลเอก สนธิ บุญยะรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ก็ตาม

แต่ก็มีเสียงเพรียกจาก ทหารรบพิเศษ ที่รอว่าเมื่อใดที่ ทหารรบพิเศษ จะได้เป็น ผบ.ทบ. อีกสักคน หลังจากที่ พลเอกสนธิ เป็น ผบ.ทบ. เมื่อปี 2548 และ ก่อการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก็ยังไม่มี หมวกแบเร่ต์แดง ก็ยังไม่มีโอกาสมาเบ่งบานในกองทัพบกเลย

พลเอกเฉลิมชัย จึงเป็นความหวังของทั้งทหารรบพิเศษ และทหาร ตท.16 ที่ก็พลาดหวังมาจากที่ลุ้น พลเอกกัมปนาท แกนนำรุ่นสายวงศ์เทวัญ ให้เป็น ผบ.ทบ. มาแล้ว ได้เกษียณแค่ ผช.ผบ.ทบ. เท่านั้น เพราะย่ำเป็น พลตรี เป็น ผบ.พล. นานหลายปี

แถมทั้ง พลเอกเฉลิมชัย มีอายุราชการถึงปี 2561 ซึ่งหากเป็น ผบ.ทบ. ก็จะได้เป็น 2 ปี มากกว่าแคนดิเดตซึ่งเป็นเต็งหนึ่ง อย่าง บิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ. น้องรักของ พลเอกประวิตร ที่เป็น ตท.17 แต่เกษียณ 2560 แต่ทว่าได้เปรียบ พลเอกเฉลิมชัย เพราะเป็นน้องรักของ พลเอกประวิตร และเป็น ทั้งทหารสายบูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญ ในสายสัมพันธ์ "ราบ๑๑ คอนเนคชั่น" ที่มี บิ๊กหนุ่ย พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อนรัก ตท.12 ของ นายกฯ ตู่



แม้ว่า พลเอกพิสิทธิ์ จะเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทบ. คนต่อจาก พลเอกธีรชัย ที่จะเกษียณกันยายน 2559 แต่ทว่า ในยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะจับตามองกันว่า พลเอกพิสิทธิ์ ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาค 1 หรือไม่ทัพภาคใดมาก่อน

แม้อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ หาก พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ไฟเขียวทั้งคู่ เพราะ พลเอกพิสิทธิ์ ก็เป็นทั้งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม และ ผบ.พล.1 รอ. มาแล้วทั้งสิ้น

แต่ทว่า จากวิกฤติที่ผ่านมา ก็มีความพยายามที่จะพาดพิงให้นายทหารดาวรุ่ง ใน ทบ.หลายคน ได้รับผลกระทบกระเทือนไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ยิ่งหากดูตามงานที่ ผบ.ทบ. มอบหมายแล้ว พลเอกพิสิทธิ์ ในฐานะ เสธ.ทบ. ก็ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ให้ดูแลทั้งสายงานการข่าว และกิจการต่างประเทศ สายงานยุทธการ การฝึก การศึกษาทางทหาร และสายงานปลัดบัญชี รวมถึงเป็นเลขาธิการ กอ.รมน. ด้วย ส่วน พลเอกเฉลิมชัย ดูแลแค่สายงานส่งกำลังบำรุงเท่านั้น

แต่ใน ทบ. นั้น รู้กันดีว่า เรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นในประเทศเวลานี้ ที่สั่นสะเทือนทั้งวงการตำรวจและทหารนั้น กำลังถูกจับตามองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรอยร้าวในกองทัพบกหรือไม่ 

จนทำให้นายทหารบางคนถูกพาดพิง และถูกปล่อยภาพทางโซเชี่ยลมีเดีย และกระแสข่าวต่างๆ มาตลอด

เพราะข่าวบางกระแส ก็พุ่งเป้าไปถึง พลโท พลเอก บิ๊กในกองทัพ เลยทีเดียว จนต้องมีปฏิบัติการ IO หรือปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร ต่อสู้กันเอง 

เรื่องราวในกองทัพ โดยเฉพาะ ทบ. จึงเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป แบบอย่ากะพริบตาเลยเชียว...

ไม่มีความคิดเห็น: