PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"มีชัย"แจงยิบ เลือกตั้งแบบ"จัดสรรปันส่วนผสม"เหมาะกับไทย ท้า ของใครเจ๋งยอมเปลี่ยน

2พ.ย.2558

http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14464561751446456200l.jpg


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) วาระพิจารณาร่างบบบัญญัติรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราในหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.แถลงกรณีที่มีข้อท้วงติงเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมว่าเป็นการตัดตอนพรรคการเมืองขนาดใหญ่ว่า ตนขอชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับระบบดังกล่าว ดังนี้

1.การเข้าใจเรื่องนี้ได้ต้องเริ่มต้นว่าเราจะยอมเคารพเสียงของประชนมากน้อยเพียงใด ในการไม่ให้คะแนนประชาชนสูญเปล่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดยบัตรเลือกตั้งใบหนึ่งนับคะแนนหมด  แต่บัตรเลือกตั้งอีก 1 ใบนับส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือคะแนนจะถูกทิ้งน้ำไป 

2.เวลาที่กรธ.คิดประเด็นนี้ ไม่ได้คิดถึงพรรคการเมืองใดเลย และไม่คิดว่าจะเกิดประโยชน์หรือโทษใดกับพรรคการเมือง คิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้คะแนนของประชาชนมีน้ำหนักนำไปใช้ในการออกเสียงเลือกตั้งใหม่มากที่สุด 3.วิธีนี้กรธ.มองว่าเป็นวิธีการปรองดองย่างหนึ่งคือให้คะแนนเฉลี่ยกันไปทุกพรรค 

นายมีชัย กล่าวว่า 4.สำหรับนักวิชาการหรือสื่อมวลชนที่ชอบอ้างว่าไม่มีประเทศใดทำกัน ตนขอชี้แจงว่าคนไทยเรามีสติปัญญาที่จะคิดอะไรออกได้เองที่เหมาะสมกับบริบทของการเมืองไทย การไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศไม่ใช่ไปจำตำราของเขามาใช้อย่างเดียว แต่ต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับประเทศของเรา

5.ถ้าเราจะเอาโลกมาเป็นตัวอย่าง ก็ต้องถามว่าโลกนี้เคยมีรัฐบาลไหน ที่ออกมาพูดในที่สาธารณะว่าคนภาคใด หรือจังหวัดใด ถ้าไม่เลือกพรรคของตนจะไม่จัดสรรงบประมาณให้  หรือเอาโครงการจากจังหวัดหนึ่งย้ายไปอีกจังหวัดหนึ่ง เพียงเพราะจังหวัดนั้นไม่ได้เลือกคนของรัฐบาล ที่อ่านมีหรือไม่ไม่รู้ แต่ประเทศไทยมี ซึ่งทางกรธ. กำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา โดยระบบการเลือกตั้งใหม่ทุกจังหวัดจะมีคะแนนเสียงเอื้อต่อทุกพรรคการเมืองมากบ้างน้อยบ้าง จนสามารถพูดได้ว่าคนทั้งประเทศสนับสนุนทุกพรรคมากบ้างน้อยบ้างสุดแล้วแต่กำลังศรัทธาของแต่ละพรรค
             

นายมีชัย กล่าวต่อว่า 6. พรรคจะต้องคัดเลือกคนดีที่สุดลงสมัคร  แม้จะรู้ว่าคะแนนในเขตนั้นจะสู้พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังที่จะได้คะแนนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อนำไปคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อ  และ7. ในการเลือกตั้งปี 2554 มีเขตเลือกตั้ง 375 เขต โดยมีถึง 120 เขตที่คนคะแนนเลือกตั้งได้น้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกตั้งโดยยังไม่ได้มีการนับจำนวนโหวตโน  ถ้านับด้วยจะมากกว่า 120 เขต 

ทั้งนี้ หากเราใช้วิธีแบบเดิมคนที่ได้คะแนนสูงสุดไม่ว่าจะได้จำนวนเท่าใดก็ได้รับเลือกตั้ง แต่คนที่ไม่เอาคนนั้น ถึงแม้จะมีคะแนนเท่าไหร่เราก็ทิ้งไป ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม เมื่อทุกพรรคมุ่งมั่นว่าต้องฟังเสียงประชาชน เราก็ต้องใช้เสียงประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ต้องลดการคิดถึงประโยชน์ของพรรคแล้วหันมานึกถึงประโยชน์ของประชาชนให้มากขึ้น เพราะเวลาที่กรธ.คิดเราไม่ได้คิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคเลย  ทั้งนี้ข้อมูลหรือข้อคิดเห็นของแต่ละพรรคการเมือง รวมทั้งนักวิชาการ สามารถเสนอแนะมาได้ ทางกรธ.ก็รับฟัง และนำมาคิด ตรงไหนที่บอกว่าเป็นจุดอ่อนว่าประชาชนไมรับความเป็นธรรม เราจะเอากลับมาคิด แต่ตรงไหนที่ทำให้พรรคได้เปรียบเสียเปรียบเราจะไม่เอากลับมาคิด


"ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองเรากำลังมีปัญหาในเรื่องของความไม่เข้าใจกันตัวอย่าง ในครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 10 คน โดยแต่ละวันมีกับข้าวได้เพียงอย่างเดียว แล้วให้ลงคะแนนกันว่าจะกินอะไร โดย 4 คนลงคะแนนว่ากินแกงเผ็ด  3 คนลงคะแนนว่ากินแกงจืด 2 คนลงคะแนนว่าจะกินผัดผัก 1 คนไม่ลงคะแนน   ถ้าใช้หลักการนี้ทุกคนก็ต้องกินแกงเผ็ดไปทั้งอาทิตย์ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรใน 1 อาทิตย์ จะมีแกงจืด 2 วัน ผัดผัก 1 วัน ที่เหลือจะกินแกงเผ็ดไปอีก 4 วันก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยชีวิตในครอบครัวก็จะอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ขมขื่นจนเกินไป ไม่ต้องกินแกงเผ็ดไปทั้งอาทิตย์”นายมีชัย กล่าว


ประธานกรธ. กล่าวต่อว่า กรธ.ไม่เคยคิดว่าระบบนี้จะทำให้ได้รัฐบาลอ่อนแอ เพราะต้องขึ้นอยู่กับประชนว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด ดังนั้นไม่ต้องกังวลเพราะทุกพรรคก็จะปรับวิธีการของเขาได้ โดยต่อไปผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็ต้องลงไปหาเสียงด้วย  เพราะพื้นที่นั้นต้องเป็นของเขาด้วย  ซึ่งระบบนี้เป็นเรื่องของการกำหนดกติกาบ้านเมือง เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด ทำให้ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีน้ำหนักไม่ถูกทิ้งน้ำ เพราะท่านมา คะแนนเสียงของประชาชน 16-17 ล้านเสียง ก็หายต๋อมไปเลย ไม่ได้อะไรกลับมา


เมื่อถามว่า แสดงว่า กรธ.ไม่ได้มองผลลัพธ์ว่าจะออมาเป็นอย่างไรใช่หรือไม่  นายมีชัย กล่าวว่า  ไม่ได้มอง เพราะขนาดคนที่ร่างรัฐธรรมนูญในสหรัฐอเมริกา เขาไม่เคยรู้เลยว่าพรรคริพับลิกันจะชนะเลือกตั้ง เพราะต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นเป็นความเข้าใจผิดมากกว่าว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้พรรคนั้นพรรคนี้ชนะ นั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก  อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขระหว่างส.ส.แบบแบ่งเขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น ทางกรธ.อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสม แต่จะพยายามให้ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มาให้มากที่สุด ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพราะไม้ต้องการให้ใครเอาตัวเลขครั้งที่แล้วไปทำให้เกิดความตระหนกตกใจ  ส่วนคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.นั้น เบื้องต้นมองว่าไม่ว่าจะใช้ระบบการเลือกตั้งแบบใด คุณสมบัติก็จะต้องเข้มขึ้น


เมื่อถามว่า จะมีการเขียนกำหนดห้ามไม่ให้พรรคการเมืองส่งพรรคนอมินีลงเลือกตั้งไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า เราคงไม่ห้าม แต่ใครที่คิดจะกระทำการทุจริตการเลือกตั้งเราตัดสิทธิตลอดชีวิต แต่ไม่ว่าจะใช้ระบบไหน ก็มีพรรคนอมินีทั้งนั้น ก็ต้องถามว่าแล้วจะตั้งไปเพื่ออะไร ถ้าคิดตั้งก็แสดงว่าจะมีการทุจริตเลือกตั้ง ตั้งแต่แรก  และจะกำกับได้อย่างว่าให้ประชาชนเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ พอดีพอร้ายทั้ง 2 พรรคก็ไม่ได้รับเลือกตั้งเลย เล่นกับประชาชนเล่นยากนะ ส่วนจุดโหว่ในระบบเลือกตั้งเราก็จะหาทางปิด

ดังนั้น เราก็ต้องฟังไปเรื่อยๆ อะไรเจ๋งเราก็เอากลับมาคิด โดยกรอบที่คสช.ให้มา 5 ข้อ กับ 10 ข้อในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา  35 กรธ.ก็เดินตามนั้น และที่เราคิด ทั้งคสช.และครม.ยังไม่รู้เลยว่าเราคิดอะไรกัน เพราะกรธ.ยังไม่มีเวลาไปอธิบาย

ไม่มีความคิดเห็น: