รองผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กำลังเสี่ยงภัย กำลังจะผิดกฎหมาย
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง มีหนังสือลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ไปถึงรัฐวิสาหกิจต่างๆ แจ้งว่ากระทรวงการคลังประสงค์จะจัดหาเงินกู้ ให้แก่ ธกส โดย ธกส ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน กระทรวงการคลังจะค้ำประกัน
ตัวอย่างหนังสือปรากฏในภาพข้างล่างครับ
ขั้นตอนการขาย ได้ทำให้ดูเสมือนจะเป็นการประมูลทั่วไป โดยให้ผู้ซื้อประมูลขั้นต่ำ 100 ล้านบาท ต่อ 1 อัตราผลตอบแทน
หนังสือดังกล่าวลงนามโดยนายทวี ไอศูรย์พิศาลคีรี รอง ผอ สบน
ผมเกรงว่า การทำอย่างนี้ อาจทำให้ รอง ผอ สบน และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่ให้กู้นั้น เสี่ยงที่จะเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับรัฐมนตรีคลังอย่างมากครับ ฝ่าฝืนมาตรา 181 (4)
เพราะเหตุใด
การประมูลเพื่อกู้เงินโดยกระทรวงการคลังที่ผ่านมานั้น ทุกๆ ครั้ง จะใช้วิธีเปิดประมูลแบบเปิดเผย โปร่งใส และเป็นไปตามปฏิทินที่กำหนดล่วงหน้า ทั้งจำนวนเงิน และอายุของตราสาร
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมประมูล จะต้องมีสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่ Primary Dealers เข้าร่วมด้วยทุกราย ทุกครั้ง
ไม่ใช่เปิดให้รัฐสิสาหกิจเข้ามาประมูลกันตรงๆ โดยไม่ผ่าน Primary Dealers
Primary Dealers หมายถึง สถาบันการเงินที่เปนคูคาหลักกับรัฐบาล ซึ่งผานการคัดเลือกจากธนาคารแหงประเทศไทย ปจจุบันนี้มีอยู 10 แหงคือ
1 ธนาคารกสิกรไทย, 2 ธนาคารกรุงเทพ, 3 ธนาคารดอยซแบงก, 4 ธนาคารสแตนดารดชารเตอรด, 5 ธนาคารเอเชีย, 6 ธนาคารเอบีเอ็นแอมโร เอ็นวี สาขาประเทศไทย, 7 ธนาคารซิตี้แบงก, 8 ธนาคาร
ฮองกงและเซี่ยงไฮแบงกิ้นคอรปอเรชั่น, 9 ธนาคารไทยพาณิชย และ 10 บริษัทหลักทรัพยเมอรลินลินซภัทร
ในการคัดเลือกสถาบันการเงินให้ทำหน้าที่เป็น Primary Dealers นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย จะพิจารณาจากผลงาน ในการค้าขายตราสารหนี้ที่ผ่านมา เพื่อจะคัดเลือกเฉพาะรายที่มีความสามารถสูงที่สุด
จะเห็นได้ว่ามีแบงค์ไทยที่ติดอันดับเพียง 3 ธนาคารเท่านั้น ที่เหลือเป็นแบงค์ต่างชาติ
และจะเห็นได้ว่าธนาคตารแห่งประเทศไทย เน้นผลงาน มากกว่าเน้นสัญชาติ
การประมูล กำหนดให้ต้องมี Primary Dealers เข้าร่วมทุกราย ทุกครั้ง ก็เพื่อจะให้แน่ใจ ว่ารัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี
หากไม่มี Primary Dealers ทุกรายเข้าร่วมประมูล ก็จะเป็นการประมูลจอมปลอม คือเป็นการประมูลแต่เฉพาะในรูปแบบตัวอักษร แต่ไม่ได้ผลในเนื้อหาเศรษฐกิจ
บางคนอาจจะเรียกว่า เป็นประมูล แบบนิติกรรมอำพราง
ดังนั้น ในกรณีนี้ รอง ผอ สบน ได้เสนอให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาประมูล เพื่อให้กู้แก่ ธกส แต่มิได้เป็นการประมูลแบบปกติ มิได้เป็นการประมูลที่บังคับให้ Primary Dealers ต้องเข้าร่วมประมูลด้วย
วิธีการที่ รอง ผอ สบน เสนอ จึงเป็นการประมูล ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่เป็นไปตามครรลองปกติ
และไม่มีอะไรจะเป็นหลักประกันได้เลย ว่าดอกเบี้ยที่จะตกเป็นภาระแก่ผู้เสียภาษีนั้น จะเป็นธรรมหรือไม่ หรือต่ำที่สุดเท่าที่ตลาดเงินและตลาดพันธบัตรจะเอื้ออำนวยหรือไม่
จึงเสี่ยงที่จะเข้าข่าย เป็นการดำเนินการที่ฉ้อฉล มีเจตนาจะให้เกิดประโยชน์แก่พรรคร่วมรัฐบาล ในช่วงเวลาที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จสิ้นบริบูรณ์
ส่วนผู้บริหารรัฐวิสาหกิจนั้น หากที่ผ่านมา ได้เคยเข้าร่วมประมูลตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือพันธบัตร ในการให้กู้แก่รัฐบาล หากได้ทำมาเป็นประจำ ก็อาจจะรอดตัวไปได้
แต่หากที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าไปร่วมประมูลเลย แม้แต่ครั้งเดียว
และในขณะนี้ ก็เป็นที่ทราบกัน ผ่านสื่อต่างๆ ว่ารัฐบาล ได้พยายามหาทางกู้เงินเพื่อไปใช้ในโครงการจำนำข้าว จากสถาบันการเงินหลายแห่ง ได้พยายามหลายวิธี แต่ไม่สำเร็จ
เพราะสถาบันการเงินหลายแห่ง เห็นว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจกู้ หากรัฐบาลกู้ หรือหากค้ำประกัน จะฝ่าฝืนมาตรา 181 (3)
ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ จึงพึงจะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน ว่าข้อเสนอของ รอง ผอ สบน ดังกล่าว เป็นการหาทางกู้เงิน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดของกฎหมายหรือไม่
ประกอบกับขั้นตอนที่จะดำเนินการนั้น ก็ไม่เป็นไปตามวิธีปกติที่รัฐวิสาหกิจนั้น ได้เคยนำสภาพคล่องที่เหลือไปลงทุน
ดังนั้น หากรัฐวิสาหกิจเข้าไปร่วมในขบวนการนี้ ผู้บริหารก็จะเสี่ยงที่จะมีปัญหา ทั้งในมาตรา 181 (3) และ 181 (4)
นอกจากนี้ ธกส เอง ก็มีความเสี่ยงไปด้วย ในฐานะผู้สนับสนุน เพราะที่ผ่านมา ธกส ไม่เคยกู้จากรัฐวิสาหกิจ ด้วยวิธีประมูลแบบจอมปลอมเช่นนี้มาก่อนเลย แม้แต่ครั้งเดียว
เรียกได้ว่า เสี่ยงกันไปหมดทุกองค์กรเลยครับ
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง มีหนังสือลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ไปถึงรัฐวิสาหกิจต่างๆ แจ้งว่ากระทรวงการคลังประสงค์จะจัดหาเงินกู้ ให้แก่ ธกส โดย ธกส ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน กระทรวงการคลังจะค้ำประกัน
ตัวอย่างหนังสือปรากฏในภาพข้างล่างครับ
ขั้นตอนการขาย ได้ทำให้ดูเสมือนจะเป็นการประมูลทั่วไป โดยให้ผู้ซื้อประมูลขั้นต่ำ 100 ล้านบาท ต่อ 1 อัตราผลตอบแทน
หนังสือดังกล่าวลงนามโดยนายทวี ไอศูรย์พิศาลคีรี รอง ผอ สบน
ผมเกรงว่า การทำอย่างนี้ อาจทำให้ รอง ผอ สบน และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่ให้กู้นั้น เสี่ยงที่จะเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับรัฐมนตรีคลังอย่างมากครับ ฝ่าฝืนมาตรา 181 (4)
เพราะเหตุใด
การประมูลเพื่อกู้เงินโดยกระทรวงการคลังที่ผ่านมานั้น ทุกๆ ครั้ง จะใช้วิธีเปิดประมูลแบบเปิดเผย โปร่งใส และเป็นไปตามปฏิทินที่กำหนดล่วงหน้า ทั้งจำนวนเงิน และอายุของตราสาร
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมประมูล จะต้องมีสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่ Primary Dealers เข้าร่วมด้วยทุกราย ทุกครั้ง
ไม่ใช่เปิดให้รัฐสิสาหกิจเข้ามาประมูลกันตรงๆ โดยไม่ผ่าน Primary Dealers
Primary Dealers หมายถึง สถาบันการเงินที่เปนคูคาหลักกับรัฐบาล ซึ่งผานการคัดเลือกจากธนาคารแหงประเทศไทย ปจจุบันนี้มีอยู 10 แหงคือ
1 ธนาคารกสิกรไทย, 2 ธนาคารกรุงเทพ, 3 ธนาคารดอยซแบงก, 4 ธนาคารสแตนดารดชารเตอรด, 5 ธนาคารเอเชีย, 6 ธนาคารเอบีเอ็นแอมโร เอ็นวี สาขาประเทศไทย, 7 ธนาคารซิตี้แบงก, 8 ธนาคาร
ฮองกงและเซี่ยงไฮแบงกิ้นคอรปอเรชั่น, 9 ธนาคารไทยพาณิชย และ 10 บริษัทหลักทรัพยเมอรลินลินซภัทร
ในการคัดเลือกสถาบันการเงินให้ทำหน้าที่เป็น Primary Dealers นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย จะพิจารณาจากผลงาน ในการค้าขายตราสารหนี้ที่ผ่านมา เพื่อจะคัดเลือกเฉพาะรายที่มีความสามารถสูงที่สุด
จะเห็นได้ว่ามีแบงค์ไทยที่ติดอันดับเพียง 3 ธนาคารเท่านั้น ที่เหลือเป็นแบงค์ต่างชาติ
และจะเห็นได้ว่าธนาคตารแห่งประเทศไทย เน้นผลงาน มากกว่าเน้นสัญชาติ
การประมูล กำหนดให้ต้องมี Primary Dealers เข้าร่วมทุกราย ทุกครั้ง ก็เพื่อจะให้แน่ใจ ว่ารัฐบาลจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี
หากไม่มี Primary Dealers ทุกรายเข้าร่วมประมูล ก็จะเป็นการประมูลจอมปลอม คือเป็นการประมูลแต่เฉพาะในรูปแบบตัวอักษร แต่ไม่ได้ผลในเนื้อหาเศรษฐกิจ
บางคนอาจจะเรียกว่า เป็นประมูล แบบนิติกรรมอำพราง
ดังนั้น ในกรณีนี้ รอง ผอ สบน ได้เสนอให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาประมูล เพื่อให้กู้แก่ ธกส แต่มิได้เป็นการประมูลแบบปกติ มิได้เป็นการประมูลที่บังคับให้ Primary Dealers ต้องเข้าร่วมประมูลด้วย
วิธีการที่ รอง ผอ สบน เสนอ จึงเป็นการประมูล ที่ไม่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่เป็นไปตามครรลองปกติ
และไม่มีอะไรจะเป็นหลักประกันได้เลย ว่าดอกเบี้ยที่จะตกเป็นภาระแก่ผู้เสียภาษีนั้น จะเป็นธรรมหรือไม่ หรือต่ำที่สุดเท่าที่ตลาดเงินและตลาดพันธบัตรจะเอื้ออำนวยหรือไม่
จึงเสี่ยงที่จะเข้าข่าย เป็นการดำเนินการที่ฉ้อฉล มีเจตนาจะให้เกิดประโยชน์แก่พรรคร่วมรัฐบาล ในช่วงเวลาที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จสิ้นบริบูรณ์
ส่วนผู้บริหารรัฐวิสาหกิจนั้น หากที่ผ่านมา ได้เคยเข้าร่วมประมูลตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือพันธบัตร ในการให้กู้แก่รัฐบาล หากได้ทำมาเป็นประจำ ก็อาจจะรอดตัวไปได้
แต่หากที่ผ่านมา ไม่เคยเข้าไปร่วมประมูลเลย แม้แต่ครั้งเดียว
และในขณะนี้ ก็เป็นที่ทราบกัน ผ่านสื่อต่างๆ ว่ารัฐบาล ได้พยายามหาทางกู้เงินเพื่อไปใช้ในโครงการจำนำข้าว จากสถาบันการเงินหลายแห่ง ได้พยายามหลายวิธี แต่ไม่สำเร็จ
เพราะสถาบันการเงินหลายแห่ง เห็นว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจกู้ หากรัฐบาลกู้ หรือหากค้ำประกัน จะฝ่าฝืนมาตรา 181 (3)
ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ จึงพึงจะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน ว่าข้อเสนอของ รอง ผอ สบน ดังกล่าว เป็นการหาทางกู้เงิน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดของกฎหมายหรือไม่
ประกอบกับขั้นตอนที่จะดำเนินการนั้น ก็ไม่เป็นไปตามวิธีปกติที่รัฐวิสาหกิจนั้น ได้เคยนำสภาพคล่องที่เหลือไปลงทุน
ดังนั้น หากรัฐวิสาหกิจเข้าไปร่วมในขบวนการนี้ ผู้บริหารก็จะเสี่ยงที่จะมีปัญหา ทั้งในมาตรา 181 (3) และ 181 (4)
นอกจากนี้ ธกส เอง ก็มีความเสี่ยงไปด้วย ในฐานะผู้สนับสนุน เพราะที่ผ่านมา ธกส ไม่เคยกู้จากรัฐวิสาหกิจ ด้วยวิธีประมูลแบบจอมปลอมเช่นนี้มาก่อนเลย แม้แต่ครั้งเดียว
เรียกได้ว่า เสี่ยงกันไปหมดทุกองค์กรเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น