เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมาสหภาพยุโรป(อียู) ออกประกาศอย่างเป็นทางการ โดยขึ้นบัญชีประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยมีความล้มเหลวต่อเรื่องนี้ ใบเหลืองอียูยังสะท้อนวิกฤตห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมประมงไทยที่โยงกับนโยบายประมงโลก แม้จะเข้าใจกันดีว่า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อปลดใบเหลืองอียูภายใน 6 เดือนตามที่กำหนด แต่หากละเลยมิติความยั่งยืนในเรื่องการฟื้นฟูทะเลและทรัพยากรชายฝั่งให้ไปพ้นจากการประมงทำลายล้าง การมุ่งปลดใบเหลืองอียูโดยให้ความสำคัญกับผลประโยขน์ทางเศรษฐกิจระยะสั้นของอุตสาหกรรมประมงนั้นจะเป็นผลชั่วครู่ชั่วยามบนซากปรักหักพลังของระบบนิเวศทะเลไทย
ใบเหลืองจากอียูสำคัญอย่างไรต่อการประมงไทย
สาเหตุที่มาของสัญญาณเตือนใบเหลืองนี้ เนื่องมาจากตั้งแต่ปี 2554 อียูได้ตรวจสอบการควบคุมการทำประมงที่ผิดกฎหมาย IUU ในประเทศไทย และไม่มีการปรับปรุงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายการออกกฎหมาย และการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมาเป็นระยะเวลา 3 ปี ประเทศไทยจึงกขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม (IUU) โดยให้เวลา 6 เดือนในการดำเนินแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหา หมายความว่า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ในเดือนตุลาคมนี้จะให้ใบแดง และระงับการสั่งซื้อสินค้าประมงจากประเทศไทยทันที เช่นเดียวกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับประเทศกัมพูชา กินี และศรีลังกา
ช่องโหว่ในมาตรการแก้ไขของรัฐบาลไทย
ชะตาการส่งออกสินค้าประมงของไทยจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการจัดการของรัฐบาลไทยในช่วง 6 เดือนนี้ โดยอาจเป็นได้สามแนวทาง คือ การออกใบเขียว-ยกเลิกการเตือนสินค้าประมง การออกใบแดง-ห้ามการนำเข้าสินค้าประมงไทย ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หรือสุดท้ายคือยืดเวลาให้ไทยแก้ปัญหาต่อไปอีก
อย่างไรก็ตามแต่การออกมาตรการแก้ไขเร่งด่วนของรัฐหลายประการไม่ว่าจะเป็นการตั้งทีมเฉพาะกิจควบคุมเรือประมงที่ออกจากท่าในพื้นที่ 22 จังหวัด การต้อนเรือประมงมาจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นต้น มิได้รับประกันว่าจะนำไปสู่การปลดใบเหลืองอียู แต่กลับละเลยมิติของความยั่งยืนในการฟื้นฟูทะเลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการประมงเกินขนาด
อัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิเคราะห์ว่า 6 มาตรการการจัดของของภาครัฐยังมีช่องโหว่ที่ส่งเสริมให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลของไทย กล่าวคือ
- การจดทะเบียนเรือประมงและออกใบอนุญาตทำการประมง หรือการนิรโทษกรรมเรืออวนลากเถื่อน จะเป็นการเปิดโอกาสให้เครื่องมือประมงทำลายล้าง เช่น เรืออวนลากเข้ามาสู่ระบบ ทั้งที่เรืออวนลากเป็นการทำประมงที่ทำลายล้าง กวาดล้างปลา และพันธุ์สัตว์น้ำในทะเลไทย รวมถึงทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยและระบบนิเวศทางทะเลที่มีความสำคัญ การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ได้สร้างผลกระทบต่อชุมชนชายฝั่งที่พึ่งพาระบบนิเวศทางทะเลอย่างมาก และส่งผลร้ายแรงต่ออนาคตของความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทย
- การควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง ยังต้องอาศัยการบังคับใช้กฎหมายประมงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชน ชาวประมงพื้นบ้าน และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเป็นที่ตั้ง
- การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ (วีเอ็มเอส) ยังขาดแผนการทำงานที่เป็นระบบ การตรวจสอบควรนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่เป็นระบบ และน่าเชื่อถือ
- การปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ แต่ปัจจุบันยังเป็นการตรวจสอบผ่านเอกสารเนื่องจากบุคลากรไม่เพียงพอ
- การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมงและกฎหมายลำดับรอง มาตรการการบังคับใช้กฎหมายในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพได้เต็มที่จำเป็นต้องรอกฏหมายลูกอีกหลายฉบับมารองรับเพื่อให้เกิดผลบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังขาดกฏหมายที่คุ้มครองสัตว์น้ำวัยอ่อนซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ยังไม่มีใครพูดถึง
- การจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกันสินค้า IUU แต่การจัดทำแผนระดับชาติในครั้งนี้มุ่งแต่การป้องป้องสินค้าส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมประมง แต่ไม่คำนึงถึงการรักษาทรัพยากรทางทะเลโดยรวม
ปลาในทะเลไทยกำลังหายไป
การจัดการประมงอย่างยั่งยืน คือ การคืนชีวิตให้ทะเลไทย และนั่นคือทางออกสำหรับอนาคตการประมงของไทย ประเทศไทยมีทรัพยากรทางทะเลเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงชาวไทยและส่งออกไปภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้อย่างยั่งยืนหากเราตระหนักที่จะดูแลท้องทะเลร่วมกัน แต่ที่ผ่านมาการพัฒนากิจการประมงของไทยเป็นไปในทางทำลายเพื่อกอบโกยเงินให้มากที่สุด หกเดือนต่อจากนี้คือการตัดสินสำคัญของอนาคตทะเลไทยที่ภาครัฐจะต้องปรับปรุงระบบการประมงทั้งระบบให้ถูกต้องและยั่งยืน เพราะหากภาครัฐไม่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและปกป้องรักษาท้องทะเลต้องแต่ตอนนี้ ทะเลไทยจะยิ่งเสื่อมโทรมและไม่อาจกลับคืนสภาพสมบูรณ์ได้อีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น