PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ชิ่งหนีวิกฤตผู้ลี้ภัย มุ่งเป้าความสนใจไปเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนแทน

จักวรรดิเฮเกเล่นมุกเดิมอีกแล้วครับท่าน... หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ชิ่งหนีวิกฤตผู้ลี้ภัย มุ่งเป้าความสนใจไปเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนแทน (ฮ่าๆๆ เข้าใจเล่นนะสหรัฐฯ)
-----------
ลองไปอ่านข่าวจากสื่อฯจีนดูบ้างนะครับ วันนี้ (11 ก.ย.58) บทบรรณาธิการของ Global Times ของจีนตั้งชื่อว่า "NYT shifts refugee crisis attention to China" เป็นการตอบโต้สื่อฯสหรัฐฯที่กำลังหาเรื่องจีนรอบใหม่ เพื่อปิดข่าวเน่าเฟะของตัวเองเกี่ยวกับวิกฤตผู้ลี้ภัยและความล้มเหลวในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิสในตะวันออกกลาง เรื่องอะไรที่จีนจะปล่อยให้สื่อฯสหรัฐฯมาเห่าหอนหลอกประชาชนทั่วโลกและกล่าวหาจีนฝ่ายเดียวอยู่ได้ จีนจึงสวนหมัดกลับทันที ไม่ยอมก้มหน้าเงียบให้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป
"สำหรับประเทศจีน วิกฤตผู้อพยพเป็นความผิดพลาดและความรับผิดชอบของคนอื่น" นั่นเป็นพาดหัวข่าวของบทความเรื่องหนึ่งในหนังสือพิมพ์ New York Times ของสหรัฐฯเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 
บทความดังกล่าวได้วิพากษ์วิจารณ์จีนว่า "ไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในความพยายามแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม" (เป็นไงเล่าสื่อฯของจักรวรรดิเฮเก เขาชิงเล่นกล่าวหาคนอื่นก่อนแบบนี้แหละ อยากให้จีนเข้าไปช่วยรัสเซียแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมในซีเรีย อิรัค และตะวันออกกลางก็บอกสิครับคุณจักรวรรดิเฮเก ประชาชนทั่วไปเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศโดยฝีมือของพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯไปตั้งหลายพันคน และอพยพไร้ที่พักอาศัยอยู่ตามค่ายอพยตามแนวชายแดนและทะลักเข้าไปในยุโรปรวมกันตั้งหลายล้านคน นั่นเรียกว่าด้านมนุษยธรรมตามความเข้าใจของสหรัฐฯหรือไม่? การที่รัสเซียจะส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ซีเรีย แล้วสหรัฐฯขวางไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านประเทศต่างๆทำแป๊ะอะไรครับ? อ้าวววว แอ็ดมินตอบแทนสื่อฯจีนซะแล้วอ่ะ ขออภัยครับอินไปหน่อย ฮ่าๆๆ อ่านข่าวต่อนะครับ)
สื่อฯจีนรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของสื่อฯจักรวรรดิเฮเกดีจึงสวนกลับไปแบบไม่ต้องเกรงใจว่า... ผู้เขียนได้เปลี่ยนความสนใจของประชาชนอย่างมีเลศนัย (The author slyly shifted people's attention) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่พอใจ จากสหรัฐฯไปยังจีนแทน

ตั้งแต่เกิดวิกฤตผู้อพยพขึ้นมา สื่อฯของสหรัฐฯส่วนมากได้จงใจที่จะมองข้ามความผิดของกรุงวอชิงตัน (Washington's guilt) ในเรื่องภัยพิบัติและปฏิเสธที่จะพินิจพิเคราะห์ด้วยสติปัญญาอย่างจงใจ แม้กระทั่งในสังคมเอง มีเสียงที่เข้มแข็งเพียงไม่กี่เสียงที่ออกมาเรียกร้องว่า สหรัฐฯเป็นสมมุติฐาน (เป็นต้นเหตุ) ในการแสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมของคุณ "eagle eye" ของนิวยอร์กไทมส์ ที่ยังมีจีนให้ถูกตำหนิ ผู้เขียนได้วิพากษ์วิจารณ์จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสอง (ของโลก) ที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมน้อยกว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สาม ดูเหมือนว่าตรรกะจะชัดเจน - พลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง (with great power comes great responsibility) (ว้าววว! คำนี้คุ้นๆ นะครับ ใครจำได้บ้างไหมว่าเคยได้ยินจากที่ไหนซักแห่งนี่แหละ มันก้องอยู่ในหูนี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าคำนี้จะก้องอยู่ในหูของจักรวรรดิเฮเกบ้างหรือไม่ ว้าวว สื่อฯจีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆครับ ดาบนั้นคืนสนอง! คริๆ)
ไม่มีหลักการใดที่กล่าวว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าควรจะช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนานาชาติมากกว่า (ประเทศอื่นๆ) ไม่มีรัฐบาลไหนที่ออกแถลงการณ์เช่นนั้นอย่างเป็นทางการ พวกเราดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยโดยเร็วที่สุดที่เท่าจะเป็นไปได้ แต่พวกเราก็สามารถกระทำได้ภายใต้ขีดความสามารถของพวกเราเท่านั้น
ในฐานะที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งไม่เพียงแต่เลี้ยงดูประชากรทั้งหมดของตนเองเท่านั้น จีนยังมีปัญหาของตัวเองอีกหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่จีนยังคงมีประชาชนที่ยากจนอยู่เป็นจำนวนมาก โลกก็ไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นจีนเข้าไปมีบทบาทหลักในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วย
นอกจากนี้แล้ว จีนไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับวิกฤตในทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย และก็ไม่ได้เป็นรากเหง้าหรือการก่อตัวของปัญหาดังกล่าวเช่นกัน มุมมองจากสังคมโลกไม่ได้คาดหวังให้จีนเข้าไปร่วมแสดงความรับผิดชอบขนาดใหญ่ต่อยุโรปในวิกฤตผู้อพยพในครั้งนี้
ก็ไปอ้อนวอนขอร้องให้กรุงวอชิงตันให้อ้าแขนรับผู้อพยพเหล่านั้นจากทุกๆแห่งสิ มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสหรัฐฯกรณีที่เข้าไปทิ้งอี้ (messing up) ไว้ในซีเรีย แต่การปฏิเสธที่จะแก้ไขความผิดของสหรัฐฯกลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง (ที่จีนว่ามานี้จริงหรือเปล่าโอบาม่า? เงยหน้าขึ้นสิครับ!) โชคร้ายจริงๆ ที่สื่อฯสหรัฐฯกับหูหวกจนไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้
ก็พอจะเป็นที่เข้าใจได้ว่าพวกเขา (สื่อฯจักรวรรดิเฮเก) กำลังพยายามปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ (ปกป้องผลประโยชน์ แหม… คำนี้มันฟังดูดีนะ มิน่าสื่อฯพวกนั้นถึงออกมาเขียนในลักษณะนี้) แต่พวกเขาก็ไม่ควรสับสนกับความว่าถูกและผิด (But they should not confuse right and wrong โอ้… งานสื่อฯจีนสอนจริยธรรมและจรรยาบันให้สื่อฯสหรัฐฯด้วยอ่ะ ไม่รู้ว่าจะสำนึกบ้างหรือเปล่านะ?) และสื่อจีนก็ให้คำแนะนำสื่อฯจักรวรรดิเฮเกต่ออีกว่า "ในกรณีนี้ การหุบปากเงียบจะดีกว่าการเที่ยวกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง" (keeping silent is better than making baseless accusations) (ว้าวววว! ทำให้นึกถึงพวกที่ชอบมาป่วนเพจนี้อยู่บ่อยๆ ที่ชอบชกใต้เข็มขัดบ่อยๆหนะ แบบนี้เลยหละ มิน่าหละ พวกโปรอเมริกาทำไมถึงชอบแถ ชอบชิงกล่าวหาคนอื่น และชอบโวยวายว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำทั้งๆที่ไปหาเรื่องกับคนอื่น เขาคงจะซึมซับพฤติกรรมแย่ๆมาจากสื่อฯของจักรวรรดิเฮเกนั่นเอง นี่ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและมนุษยชาติเลยนะนี่ เพราะเรามักจะพบว่าคนพวกนี้เที่ยวปล่อยข่าวลวง บิดเบือนความจริงให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ และก็ไม่เคยที่จะออกมาแสดงความรับผมชอบต่อสังคมเลย พูดถูกด่าแล้วก็เงียบไป ครั้งหน้าก็เอาอีก เพื่ออะไร? ก็เขาจ้างให้มาเขียนแบบนั้นอ่ะ เงินมันดี โดยไม่สนใจจริยธรรมและจรรยาบรรณของสื่อฯนี่นะ? จรรยาบรรณมันกินไม่ได้ กรรม!)
สำหรับประเทศจีนแล้ว มันกลายเป็นความจำเป็นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆว่า (เป็น) ประเทศที่ควรจะมีส่วนร่วมในวิกฤตผู้อพยพให้เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดขึ้นประเทศที่เหลือทั่วโลก (ในมุมมองของสหรัฐฯและตะวันตกที่ต้องการให้จีนเข้าไปแบ่งรับดูแลผู้อพยพในครั้งนี้?)
แต่อาจจะมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมา: หากจีนบดบังรัศมีของประเทศอื่นในเรื่องนี้ จีนอาจจะถูกสงสัยว่าอาจจมีแรงจูงใจบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ก็ได้ (ulterior motives) ซึ่งก็มาจากสำนวนที่ใช้กันอยู่บ่อยๆและท่องจนขึ้นใจในโลกตะวันตกว่า "Knowing how to set the balance requires wisdom" (ไม่แน่ใจว่าตรงกับสำนวนไทยอย่างไรบ้าง แต่ขอแปลตามตัวอักษรว่า "การรู้จักถ่วงดุลย่อมต้องใช้ปัญญา" เรื่องนี้ - balance and wisdom - มีพูดถึงอยู่ในภาควิชาปรัชญาและจิตวิทยา โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องปัญญาและญาณวิทยา (Epistemology) และศาสตราจารย์ Robert Sternberg จากมหาวิทยาลัยเยล - Yale University - ได้เขียนหนังสือชื่อ "Why Schools Should Teach for Wisdom: The Balance Theory of Wisdom in Educational Settings" ขึ้นมาด้วย มีการพูดถึงเรื่อง foolishness และ Widom เช่นตอนหนึ่งพูดว่า "ความโง่เขลา (foolishness - ตรงกันข้ามกับ Wisdom - ปัญญา) เป็นผลมาจากการขาดความสมดุลในความคิดของคนเรา ส่วนปัญญานั้นจะต้องมีการถ่วงดุลระหว่างความสนใจต่อการรู้จักตนเอง (intrapersonal) และความสนใจกับบุคคลที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย และกับความสนใจต่อบุคคลภายนอกที่เราพูดถึงด้วย (extrapersonal) ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว... ส่วนความโง่เขลานั้นมักจะรวมเอาความสนใจเหล่านี้ออกไปจากความสมดุล" ก็ประมาณนี้หละนะครับ)
นอกเรื่องหละ กลับมาอ่านข่าวต่อนะครับ... สื่อจีนกล่าวต่ออีกว่า สหรัฐฯเป็นผู้รับผิดชอบต่อการแสดงความคิดเห็นของสังคมทั่วโลก สหรัฐฯสามารถที่จะฆ่าเชื้อ (-โรค) ที่กระทำความผิดต่างๆ แต่จีนไม่ใช่ (งานนี้จีนขอชิ่งก่อนนะครับ) ขณะนี้จีนไม่สามารถที่จะกระทำอะไรได้เลย ยกเว้นพยายามทำให้ดีกว่าเดิม อาจจะเป็นเรื่องจำเป็นที่ว่าจีนควรจะมีส่วนร่วมทางการทูตในปัญหาผู้อพยพในซีเรีย วิกฤตครั้งนี้อาจจะกำลังทำให้มองเห็นปัญหาได้หลายอย่าง และจีนก็ควรที่จะดำเนินมาตรการที่ยึดถือผลประโยชน์ต่อสังคมมากก่อน
นั่นไง... ชอบยั่วและหาเรื่องจีนดีนัก เจอสวนกับไปอย่างนี้บ้าง เงียบเลยสิคราวนี้ คิดจะให้จีนช่วยอ้าแขนรับผู้อพยพเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุอย่างที่ตะวันตกกำลังทำอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ให้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุซึ่งสหรัฐฯและตะวันตกนั่นแหละก่อขึ้นมาเอง จีนบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจะให้ช่วย งั้นจีนก็จะขอเข้าไปเอี่ยวในซีเรียด้วย สหรัฐฯจะว่าอย่างไรบ้างหละ? นี่ไม่ได้ขู่นะ เฮียสีเอาจริงนะครับ นี่แหละหนา... ปากพาจนแท้ๆสื่อฯแกว่งปากหาเท้า Oopz! แกว่งเท้าหาเสี้ยน!
ป.ล. มีรายงานข่าวว่าทำเนียบขาวออกมาประกาศว่าจะรับผู้อพยพชาวซีเรียจำนวน 10,000 คน ในปีงบประมาณปีหน้าซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลามคมนี้จำนวน 2,000 คนก่อน ตอนแรกก็ออกมาบอกว่าไม่รับ พอโดนตะวันตกจวกเข้าก็พูดว่างั้นขอรับแค่ 1,500 คน จะบ้ารึ! เยอรมันนีรับเกือบล้านคนแหนะ สหรัฐฯที่เป็นหัวหน้าแก๊งไปสร้างปัญหาจะรับแค่ 1,500 คนได้อย่างไร? จึงออกบอกว่างั้น เก๋าขอรับเพิ่มเป็น 10,000 คนละกัน แต่ปีนี้ขอรับแค่ 2,000 คนก่อนได้ป๊ะ? นิสัย ส่วนอังกฤษตัวแสบบอกว่าจะรับไว้ 20,000 คน แต่มีเงื่อนไข เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในโพสต์ต่อไปว่าอังกฤษแสบขนาดไหน
The Eyes
11/09/2558
----------

ไม่มีความคิดเห็น: