PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

ใครชนะ คอลัมน์ ใบตองแห้ง



วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 14:24 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 2639 คน
อยู่ประเทศนี้ พ.ศ.นี้ มีเรื่องฮาได้ฮาดีไม่หยุดหย่อน กับความถดแถยอกย้อนของคนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี ผู้มีการศึกษา


ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน พากันใส่เกียร์ห้าเชียร์ร่างรัฐธรรมนูญ แต่พอแพ้มติถูกคว่ำ หงายเงิบ ปากอ้า ก็ยังพลิกหาคำอธิบายได้ว่า อ้าว นี่มันเกมหลอกให้นักการเมืองชั่วต่อต้านนี่หว่า คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเสีย คสช.ก็อยู่นาน


คิดได้ดังนั้นก็หัวเราะกันคิกคัก ขวัญเอ๊ยขวัญมา ที่แท้เราเป็นผู้ชนะ (เพิ่งรู้นะนี่) ต้องเอาอย่างพระอาจารย์พุทธอิสระ ลืมซะว่าเคยด่าทนายวันชัยไว้อย่างไร ไปขอบคุณทนายวันชัยดีกว่า


ก็เอาที่สบายใจเลย ยังไงพวกเรียกร้องประชาธิปไตยก็แพ้อยู่ดี เพราะถ้าทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็แปลว่าคน 20 ล้านอยากให้คสช.อยู่ต่อ พวกที่อยากเลือกตั้งคงมีแค่ 4-5 ล้านคน


ส่วนที่ "ลุงกำนัน" ออกมาเชียร์ก็คงสับขาหลอก แต่ไม่ยักบอก 105 สปช. ที่มีหลายคนเคยขึ้นเวทีกปปส. เคยอยู่กลุ่ม 40 ส.ว. เคยต่อสู้มาด้วยกัน ปล่อยให้ยกมือ "เอาเลือกตั้ง" ซะงั้น


โหคนดีๆ ทั้งนั้นนะครับที่ยกมือรับร่างรัฐธรรมนูญ เช่นท่าน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป, คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา, คุณประมณฑ์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น, อ.ปราโมทย์ ไม้กลัด, คณผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส ฯลฯ พร้อมทั้งนักวิชาการ สื่อ NGO ภาคประชาสังคมจำนวนมาก ตั้งแต่หมอพลเดช ปิ่นประทีป, คุณรสนา โตสิตระกูล, คุณสารี อ๋องสมหวัง ไปกระทั่งคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี พ่อน้องตั๊น


ถ้านี่เป็นการ "จัดฉาก" ก็ไม่ยักบอกกันบ้างเลย ปล่อยให้พระนางรำออกมาค้างอยู่กลางฉาก


ผมก็ไม่ได้อยากคุยหรอกว่ายกนี้ใครชนะ อยากให้มองแบบ Win-Win มากกว่า เพราะถ้าเปรียบเป็นสงครามก็เหมือนแม่ทัพใหญ่ส่งกองหน้ามาชิมลาง ส่งโหราจารย์มาทำพิธีบวงสรวง แต่ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นท่าไม่ดี ถ้ายกพลโจมตีก็สูญเสียทั้งสองฝ่ายโดยไม่จำเป็น จึงถอยทัพกลับไป ตั้งหลัก โดยยังคุมความได้เปรียบ ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำซักหน่อย แค่ยอมสละโหราจารย์กับหัวหมู่ทะลวงฟันไม่กี่คน (ขออโหสิกรรม)


เพียงแต่นี่ไม่ใช่สงคราม ฉะนั้นมองอีกด้านก็เห็นนิมิตหมายที่ดี ใครก็ตามที่สั่งรั้งม้าริมผา รู้ว่าดันทุรังไม่ได้ ถึงแม้เจตนาไม่ต้องการให้ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ แต่ถ้าตกเหว สังคมไทยก็ตกไปด้วยกัน ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านไปสู่การทำประชามติก็เกิดการประจันหน้า หรือถ้าผ่านไปบังคับใช้ก็จะเป็นระเบิดเวลา นี่แสดงว่าแม้อยู่ข้างไหนก็เข้าใจสถานการณ์ตรงกัน


ฉะนั้นถ้า มองให้กว้าง ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ความมีสติ ความมีเหตุผล ความเติบโตของสังคม และหลักการประชาธิปไตย คือผู้ชนะ ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่เพื่อไทย ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะร่างรัฐธรรมนูญถูกโหวตคว่ำโดยสปช.ต่างจังหวัด สปช.สายทหาร ข้าราชการ เห็นกันชัดๆ (ไม่เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร ซักหน่อย)


มันสะท้อนว่าแม้ในกลุ่มผู้มีอำนาจ ก็ยังมีสติ มีเหตุผล พอจะตระหนักว่าประชาชนไม่ยอมรับ (ไม่ยักเป็นไปตามโพล) ประชาชนไม่ได้โง่ ไม่สามารถยัดเยียดระบอบที่ถอยหลังไปห้าสิบปี


ตรงข้ามกับพวก ดึงดันจะเอา "อภิรัฐบาล" ซึ่ง Ultra ยิ่งกว่าทหาร อาจเป็นเพราะทหารยังเรียนตำราพิชัยสงคราม รู้จังหวะรุกถอย รู้ประเมินสถานการณ์ แต่พวกเคยผ่าน 14 ตุลา พฤษภา 35 มาแท้ๆ กลับจะเอาระบอบปูลิตบูโรมาขี่คอชาวบ้าน


ไม่อยากพูดเลยว่าพวก นี้ต่างหากคือผู้แพ้ที่แท้จริง บางคนแพ้แล้วยังโวย ประกาศจะไม่เป็นเครื่องมือให้รัฐบาลต่อไป "ภาคประชาสังคมผิดหวังและถอยตัวออกห่าง" (ขอให้แน่ซักราย)


"ทัพ ใหญ่" ไม่ได้แพ้ แค่ถอยไปตั้งหลักใหม่ ขอคารวะในฐานะที่ใส่สลักเองแล้วถอดสลักเอง กระนั้นก็ใช่ว่ารอบหน้าจะมีโอกาสแก้ตัวใหม่ เพราะนั่งทับเงื่อนเวลาที่เร่งเร้าให้ต้องกลับสู่เลือกตั้ง ต้องเร่งหา "ทางลง" ที่สังคมยอมรับร่วมกัน


ซึ่งมันไม่ง่ายอย่างที่สื่อ เที่ยวไปจิ้มชื่อใครต่อใครเป็นประธานยกร่างฯ สังคมไทยวันนี้ เนติบริกรหน้าไหนมา แค่อ้าปากก็รู้ทัน ช่วงเวลา "6-4-6-4" คนพูดก็รู้ดีว่าเงื่อนเวลาไม่เปิดโอกาสให้ยืดยาดปานนั้น ถ้าทอดได้ "หกสี่เอี่ยว" ก็ว่าไปอย่าง เจ้ามือกินรอบวง

ไม่มีความคิดเห็น: