PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

สื่อตปท.ด่าทักษิณ

ยูเอสเอทูเดย์พาดพิง “ทักษิณ” หนึ่งในต้นแบบ “มหาเศรษฐีผู้นำเลว” ของโลก!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์3 มิถุนายน 2557 05:34 น.
ยูเอสเอทูเดย์พาดพิง “ทักษิณ” หนึ่งในต้นแบบ “มหาเศรษฐีผู้นำเลว” ของโลก!!
       ยูเอสเอทูเดย์ - ยูเอสเอ ทูเดย์ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความฉบับออนไลน์ ตั้งคำถามต่อนายเปโตร โปโรเชนโก ว่าที่ประธานาธิบดียูเครน ว่าจะเป็นสามารถก้าวเป็นผู้นำมหาเศรษฐีประชาธิปไตยที่มีประสิทธิผลคนแรกของโลกได้หรือไม่ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังล่มสลายและปกป้องประเทศจากการดำดิ่งสู่สงครามกลางเมือง หลังจากก่อนหน้านี้เหล่านักธุรกิจที่ผันตัวสู่ผู้นำประเทศที่แล้วๆ มา มักกลายร่างเป็นปิศาจ ห้อมล้อมไปด้วยปัญหาคอร์รัปชันและละเมิดสิทธิมนุษยชน ยกตัวอย่างเช่น อดีตนายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี แห่งอิตาลี และทักษิณ ชินวัตร ของไทย
       
       ในบทความเรื่อง “Why billionaires make bad presidents” ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ www.usatoday.com เว็บไซต์แห่งนี้เกริ่นนำว่านายเปโตร โปโรเชนโก ว่าที่ประธานาธิบดียูเครน เข้ามาสร้างความหวังว่าเขาจะสามารถคลี่คลายเหตุเผชิญหน้ากับรัสเซีย สานสัมพันธ์กับตะวันตก พลิกฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนเปลี้ยและสามารถนำพาประเทศหลุดพ้นจากขอบเหวแห่งสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนแห่งนี้ชี้ว่าความหวังอันยิ่งใหญ่ที่จะได้เห็นนายโปโรเชนโก กลายเป็นประธานาธิบดีมหาเศรษฐีที่มีประสิทธิผลคนแรกของโลกนั้นดูท่าจะไม่เป็นแบบนั้น
       
       หนังสือพิมพ์ชื่อดังอ้างว่าหนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือเพราะยูเครนเอง โดยชาติยุโรปตะวันออกแห่งนี้ไม่เคยทำตัวให้เหมาะสมกับประชาธิปไตยและตลาดเสรีเลย โดยเหล่าประธานาธิบดีในอดีตที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ นายวิกตอร์ ยานูโควิช นายวิกตอร์ ยูเชนโก ไปจนถึง นายลีโอนิด คุชมา บ่อยครั้งมักแสดงออกถึงความสนใจแต่การสร้างฐานอำนาจและปิดปากฝ่ายค้าน มากกว่าที่จะสร้างเศรษฐกิจและประชาสังคมให้ยั่งยืน
       
       ในส่วนของนายโปโรเชนโก เจ้าของฉายา “ราชาช็อกโกแลต” จากการเป็นเจ้าของกิจการขนมหวาน เหล่าผู้มีสิทธิออกเสียงต่างพากันคาดหวังว่าเขาจะใช้อำนาจใหม่ที่เพิ่งได้รับ ซ่อมแซมสันติภาพร่วมกับรัสเซีย และอุทิศตัวเพื่อความรุ่งเรืองของยูเครน ไม่ใช่แสวงหาผลประโยชน์เพิ่มความร่ำรวยแก่ตนเอง ปัญหาที่มักพบกับเหล่าผู้นำมหาเศรษฐีทั้งหลายของโลก
       
       “ปัญหาของนายโปโรเชนโก ก็คือ เขาเองเป็นนักธุรกิจ” โอเล็กซีย์ ฮาราน ศาสตราจารย์ด้านการเมืองเปรียบเทียบ จาก มหาวิทยาลัยแห่งชาติ Kyiv-Mohyla Academy บอกกับวอชิงตันโพสต์ “ปัญหาคือการแยกธุรกิจออกจากการเมือง”
       
       โดยในเรื่องนี้ทางบทความของยูเอสเอทูเดย์ ชี้ว่าการแยกทั้งสองอย่างออกจากกัน พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องยากลำบากในหลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น นายซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี เจ้าพ่อโทรคมนาคมซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิตาลี 3 สมัยระหว่างปี 1994 ถึง 2011 และเวลานี้ต้องบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ 1 ปี ในความผิดฐานฉ้อโกงภาษี แถมยังกำลังต่อสู้กับข้อกล่าวหามีเพศสัมพันธ์กับโสเภณีที่ไม่บรรลุนิติภาวะด้วย
       
       ขณะที่แบร์ลุสโกนีและผู้สนับสนุน บอกว่าเขาตกเป็นเหยื่อของการโจมตีของพวกฝ่ายซ้าย แต่อีกด้านหนึ่งก็พบว่าเศรษฐกิจและระบบการเมืองของอิตาลีบกพร่องอย่างมาก ตามหลังการครองอำนาจอันยาวนานของเขา
       
       อีกรายที่ ยูเอสเอ ทูเดย์ ยกตัวมาเป็นตัวอย่างก็คือ ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีโทรคมนาคมซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย โดยตอนนี้เขาหลบหนีความผิดฐานคอร์รัปชันในต่างแดน โดยสื่อมวลชนแห่งนี้บอกว่าเช่นเดียวกับนายแบร์ลุสโกนี ฝ่ายสนับสนุนทักษิณหรือคนเสื้อแดง ก็อ้างเหมือนๆ กันว่าเขาถูกเล่นงานอย่างไม่ยุติธรรมจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
       
       อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์เขา 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฐานร่ำรวยผิดปกติในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าตอนนี้ไทยถูกปกครองโดยคณะรัฐประหารท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่โซเซ จึงบ่งชี้ว่าทักษิณแทบไม่ได้ปรับปรุงรากฐานประชาธิปไตยและเศรษฐกิจของประเทศเลย
       
       ส่วนคนสุดท้ายที่ยูเอสเอ ทูเดย์ ยกมาเป็นตัวอย่างก็คือ วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย โดย ปูติน ถูกนับรวมในรายชื่อผู้นำมหาเศรษฐีด้วย แม้มีข้อโต้แย้งว่าประธานาธิบดีรายนี้ไม่ได้รวยและครั้งหนึ่งก็เคยพูดว่าเขาจะทำงานเยี่ยงทาสเพื่อประชาชนชาวรัสเซียแลกกับเงินเดือนแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่สื่อมวลชนรายงานว่าเขามีสินทรัพย์หลายพันล้านดอลลาร์ และด้วยที่ทำให้มอสโกต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่มีฝ่ายค้านอย่างแท้จริงและเมื่อเร็วๆ นี้ ชอบรุกรานเพื่อนบ้าน ทางยูเอสเอ ทูเดย์ จึงยกให้ ปูติน เป็นหนึ่งในผู้นำมหาเศรษฐีจอมเผด็จการด้วย
       
       มีคำถามว่าเป็นไปได้ไหมที่มหาเศรษฐกิจผู้มั่งคั่งจะสัมพันธ์โดยตรงกับการเป็นผู้นำที่เลว ในเรื่องนี้บทความของยูเอสเอทูเดย์บอกว่าไม่เสมอไป โดยเหล่าผู้นำมหาเศรษฐีที่ก้าวสู่อำนาจส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ประเทศซึ่งมีประชาธิปไตยที่ไม่เป็นไปตามขนบธรรมเนียม อันห้อมล้อมไปด้วยปัญหาคอรัปชันและการต่อรองอยู่ฉากหลัง ประเทศซึ่งคนรวยสามารถซื้อตำแหน่งอย่างง่ายดาย และในประเทศที่ไม่สามารถกำหนดวาระดำรงตำแหน่งของผู้นำ 1 หรือ 2 สมัยได้
       
       สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุในรายงานต่อว่าเหล่ามหาเศรษฐียังมีคุณลักษณะเฉพาะบางอย่างที่ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นผู้นำประชาธิปไตยได้ดีเท่าไหร่ ด้วยความสำเร็จของพวกเขามาจากการก่อตั้งบริษัท ละเมิดกฎระเบียบ เพิกเฉยต่อเสียงวิจารณ์ และควบคุมทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตของตนเองและบริษัท ทั้งนี้ พอร่ำรวยแล้ว มหาเศรษฐีเหล่านี้ก็เคยชินกับอำนาจเผด็จการ อยากได้อะไรก็ต้องได้ตามต้องการ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เหล่ามหาเศรษฐีซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจโดยสันดาน จะสามารถวางมือจากผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างทันทีทันใด
       
       ทั้งนี้ ยูเอสเอ ทูเดย์ ปิดท้ายว่าพวกเขาก็หวังเห็นผู้นำมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่สักครั้ง แต่ดูเหมือนว่านายโปโรเชนโก จะไม่ใช่คนนั้น คนที่เป็นผู้นำมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่คนแรกของโลก

ไม่มีความคิดเห็น: