นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดทำแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา โครงสร้างองค์กรและบุคลากร การเข้าร่วมการลงทุนของภาคเอกชน และงบประมาณและแหล่งเงินทุนในการดำเนินงาน
ดร.พิเชฐ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในขั้นต้นนั้นจะร่วมมือกับภาคเอกชนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศและสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาภายในเมืองนวัตกรรมอาหารแห่งแรกที่จะตั้งอยู่ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ที่พร้อมดำเนินการแล้ว และได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ศึกษารูปแบบและจัดตั้งองค์กรในการบริหารจัดการเมืองนวัตกรรมอาหารให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวในการดำเนินงาน และได้จัดเตรียมคำของบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหารโดยคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาทในระยะต้นเพื่อจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในการรองรับการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน และการดำเนินการเพื่อดึงดูดและให้บริการเอกชนรายใหญ่จากต่างประเทศ รวมทั้งภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมในเมืองนวัตกรรมอาหารที่จัดตั้งขึ้น
“เมืองนวัตกรรมอาหารจะเป็นกลไกภาครัฐที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ ประเทศไทย 4.0 ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยจะมีการลงนามความร่วมมือ 12 บริษัทอาหารชั้นนำ และ 21 สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัย 27 พฤษภาคมนี้” รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น