PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

10 เทรนด์โลกชี้ทิศตลาดปีมะเมีย

โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ในโลกยุคดิจิตอลความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแค่พริบตาและมีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สำหรับปี 2557 ซึ่งตรงกับนักษัตรมะเมียหรือปีม้า ต้องจับตาดู 10 แนวโน้มหรือเทรนด์ของโลกที่ทรงอิทธิพลต่อการทำตลาด การสื่อสารและการสร้างแบรนด์ ภายใต้ความท้าทาย แบรนด์ใด หรือสินค้าใด จะสร้างสรรค์แพลตฟอร์มใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

วฤตดา วรอาคมประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรม แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป (ซีไอโอ) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการวิจัยเทรนด์ทั่วโลก ภายใต้หัวข้อ "Look Ahead 2014" โดยจะมีแนวโน้มใหญ่หรือเมก้าเทรนด์ 5 แกนหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนและทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ๆทั่วโลก10 เทรนด์

สำหรับเมก้าเทรนด์ที่
1.เทคโนโลยีอินไซต์ (Insightful Technology) ช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตดีขึ้นหรือเปลี่ยนมุมมองคนให้ดียิ่งขึ้น
2.การสร้างความหมายใหม่ในโซเชียลมีเดีย(Social Wisdow) จากกระแสออนไลน์จะเริ่มมีค่านิยมใหม่จึงมีมาตรฐานใหม่นำมาใช้ชีวิตจริง
3.ภาคภูมิใจความเป็นคนเมือง (Urban Pride) ต้องการทำให้สังคมดีขึ้น ร่วมมือแก้ปัญหา และสร้างสรรค์ศิลปะ
และ
4.จริงใจแบบหมดเปลือก (Radical Honesty) คนต้องการให้สินค้าเปิดเผยหรือพูดความจริง ขณะที่
5.พลังมวลชนเพื่อความดี(Purposeful Movement) จะเกิดกระแสการพูดถึงจิตวิญญาณเพื่อผู้บริโภคใช้ชีวิตได้ดีและโลกน่าอยู่ โดยสามารถแตกเป็น 10 เทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปีหน้านี้
เทรนด์แรก คือ ข้อมูลจะมีบทบาทสำคัญในโลกการตลาดช่วยให้เจาะลึกพฤติกรรมของผู้บริโภครายบุคคล ผ่านการใช้สื่อดิจิตอลข้ามผ่านหลายจุดสัมผัสเพราะเป็นเครื่องมือช่วยคาดการณ์ความต้องการอนาคตของผู้บริโภคได้ดี เทรนด์ที่สองนวัตกรรมของสกรีนทุกอุปกรณ์ อาทิ ทีวี โทรศัพท์มือถือคอมพิวเตอร์ และโซเชียลมีเดีย จะแข่งขันสร้างเนื้อหาเพื่อดึงดูดผู้ชม
ในปีหน้านี้จะเกิดสงครามหน้าจอกันขึ้น เนื้อหาแต่ละอุปกรณ์ต้องมีความแตกต่างตอบโจทย์ผู้บริโภค เช่น ดูทีวีต้องการเนื้อหาที่ผ่อนคลาย คอมพิวเตอร์ ต้องการข้อมูลและทำให้เกิดการเรียนรู้ โทรศัพท์ ต้องการแอพพลิเคชั่นเชื่อมโยงกับเพื่อนหรือสังคมและแท็บแล็ตต้องการค้นหาสิ่งใหม่ๆ
ผลจากกระแสความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ผู้บริโภคมองหาคุณค่านอกเหนือจากเงิน จึงเกิดเทรนด์ที่สาม เงินตระกูลใหม่ในโลกดิจิตอล ผู้บริโภคจะสร้างคุณค่าขึ้นมาเองผ่านการแชร์ไอเดีย การใช้โซเชียลมีเดีย และแลกเปลี่ยนกันขึ้นในโลกดิจิตอล ที่ผ่านมาหลายแบรนด์เริ่มนำมาใช้ทำการตลาดมากขึ้น เพราะผู้บริโภคอยากได้ของที่คนอื่นไม่มีและเงินซื้อไม่ได้
ขณะที่เทรนด์สี่ มิติใหม่ของคำว่าเวลาจะสั้นลง ผู้บริโภคมองเวลาในมิติที่สั้นลง การรับรู้โฆษณาสั้นลง ต้องการทุกอย่างตามเวลาจริง ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการสื่อสารแบรนด์ที่ต้องให้ความสำคัญกับลูกเล่นเรื่องเวลาให้เข้าถึง และจากความเครียดของสังคมเมือง จึงเกิดเทรนด์ที่ห้าวิถีชีวิตคนเมืองมีชีวิตจิตใจ มีน้ำใจ เป็นโอกาสที่ดีของการทำตลาดมีส่วนร่วมช่วยสังคม
วฤตดา กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีส่งผลให้เกิดเทรนด์ที่หก คือ ดิจิตอลพัฒนาจิตวิญญาณ เกิดการพัฒนา

แอพพลิเคชั่นช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เป็นบทบาทใหม่ของแบรนด์ในการทำหน้าที่ช่วยให้ชีวิตของคนดีขึ้น และจากการที่ผู้บริโภครับสารหลายด้านทั้งลบและบวกจึงเกิดเทรนด์ที่เจ็ด เชื่อในสิ่งที่เห็นด้วยตัวเอง

จัดว่าเป็นเทรนด์ที่มีอิทธิพล นับว่าเป็นไฮไลต์ของปีหน้าเพราะเป็นจุดเปลี่ยนการตลาดและโฆษณา สินค้าต่างๆ จะออกมาสื่อสารความจริงหรือในสิ่งที่มีความเคลือบแคลงใจและทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกเอง และเทรนด์ที่แปด เสน่ห์แห่งความไม่สมบูรณ์แบบ กระแสผู้บริโภคจะกลับสู่ความเรียบง่าย ความไม่สมบูรณ์กลายเป็นเสน่ห์

จากปีนี้ที่ใครๆ ต่างเกาะติดกระแสเซลฟ์ฟี่หรือความลุ่มหลงตัวเอง แต่ปีหน้าจะเกิดเทรนด์ที่เก้า คือ ลดการใส่ใจตัวเองมาสู่ใส่ใจสังคม ผู้บริโภคจะหันมาใส่ใจสังคม ช่วยผู้ด้อยโอกาส และสิบ จุดยืนใหม่แบรนด์โปร่งใสแก้ปัญหาสังคม จะเป็นปัจจัยการตัดสินใจซื้อสินค้า

นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจ การสำรวจงบโฆษณาทั่วโลกจากZenith Optimedia
พบว่า งบในสื่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มเป็นอันดับสองของโลกเพิ่มจากสัดส่วน 5.6% ปี 2548 เป็น 20.5% แทนที่หนังสือพิมพ์สัดส่วน 29.1% เหลือเป็น 17% ขณะที่สื่อทีวียังเป็นอันดับหนึ่งเพิ่มจาก 36.8% เป็น 40.2% เพราะคนเริ่มดูทีวีทางออนไลน์

ด้านการสร้างเนื้อหา ปีหน้าต้องเชื่อมโยงให้เหมาะกับแต่ละอุปกรณ์ เช่น ทีวี มือถือ คอมพิวเตอร์ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่สร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ก้าวล้ำคู่แข่งรวดเร็วเข้าถึงเทรนด์ รวมทั้งยังสามารถพิชิตใจและยอดขายควบคู่กันนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: