PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

"สมช.แย้มใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมม็อบ - "จารุพงศ์" จี้ "สุขุมพันธุ์" สั่งกทม.ร่วมมือ ศอ.รส."..

"ยิ่งลักษณ์" เข้า สตช.ถกศอ.รส. เลขาฯ สมช.เผยที่ประชุมประเมินอาจยกระดับกฏหมายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมม็อบปิดกรุง 13 ม.ค. ขอทหารลุย กำลังคุยเหล่าทัพ รอดู 5 ม.ค.ก่อน จวกจ้อจับนายกฯ ละเมิดสิทธิ์ ด้านรักษาการ มท.1 ส่งหนังสือจี้ ผู้ว่าฯ กทม.ให้เจ้าหน้าที่ร่วมจัดการ กปปส. ตรวจสอบวงจรปิด เตรียมแผนขนส่ง

วันนี้ (2 ม.ค.) ที่สตช. เมื่อเวลา 10.00 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้าร่วมประชุมศอ.รส. เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมและติดตามความคืบหน้าสภาปฎิรูปประเทศ โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลศอ.รส.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกฯและรมว.คลัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รักษาการรองนายกฯ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรมต.ประจำสำนักนายกฯและรมช.เกษตรและสหกรณ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รักษาการรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.แรงงาน นายพีรพันธ์ พาลุสุข รักษาการ รมว.วิทยาศาสตร์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เข้าร่วมประชุม

ด้านพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศอ.รส.เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่มีนายกฯเข้าร่วมประชุมด้วย มีกาประเมินสถานการณ์การประกาศชุมนุมชัตดาวน์กรุงเทพฯวันที่ 13 ม.ค.โดยที่ประชุมประเมินว่า อาจมีความจำเป็นที่จะต้องมีการยกระดับการบังคับใช้กฏหมายเป็นการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อขอให้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมบริหารสถานการณ์ที่เข้มข้นขึ้น และถือเป็นกติกาในการเข้าระงับยับยั้งสถานการณ์ ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างหารือกับทางเหล่าทัพ ยังไม่ได้ข้อสรุป ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะเริ่มมีการระดมคนจากต่างจังหวัดเข้ามาแล้ว และดูว่าวันที่ 5 ม.ค.มีความเป็นไปตามที่แกนนำประกาศไว้หรือไม่ ถ้าเป็นไปตามนั้นก็เข้าเงื่อนไขการยกระดับการใช้กฏหมาย ต้องดูข้อเท็จจริงด้วย ผบ.ตร.ประสานกับทางกองทัพอยู่แต่ยังไม่ได้คำตอบ ทางนายกฯเองก็รับทราบแล้ว ถือเป็นภาระฝ่ายประจำที่จะดำเนินการ ให้ฝ่ายมั่นคงประเมินกันอีกครั้ง

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ทั้งนี้ การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นอำนาจของนายกฯที่สามารถประกาศใช้ได้เลย แต่จะมีกำหนดระยะเวลาการประกาศใช้ในเวลา 3 วัน หากจะลากยาวต่ออายุการประกาศใช้ต้องให้ครม.เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ การสั่งการ ทั้งในส่วนของกองทัพ พลเรือน ผูับังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานจะเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งการ แต่ต้องเป็นระดับผู้บัญชาการ อธิบดี แม่ทัพภาค ส่วนที่แกนนำออกมาสื่อสารทำนองว่ามีความพยายามจะควบคุมตัวนายกฯ ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งบุคคลสำคัญเหล่านี้มีชุดรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเสริม จึงเป็นจุดที่ต้องระวังเหตุการณ์ปะทะกันของมวลชนและเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งหนังสือถึงม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กทม. ออกคำสั่งให้กรุงเทพฯ สนับสนุนการทำหน้าที่ของ ศอ.รส. ในการควบคุมการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่ประกาศเคลื่อนขบวนในวันที่ 5 ม.ค. 57 เพื่อเชิญชวนประชาชนมาร่วมปิดกรุงเทพฯ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยให้ กทม. พิจารณาดําเนินการ ดังนี้

1.การปฏิบัติต่อกลุ่มมวลชนที่เข้ามาประท้วงในกรุงเทพฯ ขอให้ กทม.ปฏิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบอํานาจหน้าที่ ตามกฎหมายของ กทม. และให้ กทม.ให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมทั้งให้สนับสนุนสถานที่ ยานพาหนะ วัสดุ ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ และสาธารณูปโภคทุกประเภท ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และขอให้วางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายด้วย

2.ให้ กทม. ดําเนินการสํารวจและตรวจสอบกล้องทีวีวงจรปิด (CCTV) ที่ กทม. ติดตั้งไว้ทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้การบันทึกภาพได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ที่มีการชุมนุม พื้นที่ที่กลุ่มมวลชนใช้เป็นเส้นทางในการเคลื่อนกําลังคน และในสถานที่สําคัญทางราชการ เช่น พระบรมมหาราชวัง เขตพระราชฐาน รัฐสภา ทําเนียบรัฐบาล หากมีกรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องการตรวจสอบการบันทึกภาพจากกล้องทีวีวงจรปิด ให้ กทม. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดังกล่าวด้วย

3.ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 1 และข้อ 2 โดยเฉพาะในส่วนที่ผู้ชุมนุมได้ประกาศปิดเส้นทางการจราจร ซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ในการใช้เส้นทางคมนาคม ขอให้ กทม.จัดเตรียมแผนดําเนินการด้านการจราจรและการขนส่ง เพื่อรองรับการปิดเส้นทางการจราจรของผู้ชุมนุม โดยร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กรุงเทพฯ และขอให้ กทม. จัดเจ้าหน้าที่ กทม. ให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าพนักงานตํารวจจราจร เมื่อมีการร้องขอ ทั้งนี้ ให้ประสานการปฏิบัติดังกล่าวกับศูนย์อํานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

4.ผลการประสานการปฏิบัติตามข้อ 3 เป็นประการใด ให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบเป็นระยะ จนกว่าสถานการณ์การชุมนุมจะกลับสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. และเจ้าหน้าที่ กทม. ต้องปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ ประกอบกับขณะนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง

http://astv.mobi/ARH8KBx
2

ไม่มีความคิดเห็น: