PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

ศาลสูงสิงคโปร์ตัดสินคดี “น้องธันย์” ระบุบริษัทรถไฟฟ้า “ไม่ผิดฐานละเลย”

น.ส.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ "น้องธันย์" ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงไปในรางรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีของสิงคโปร์จนถูกรถไฟทับขาบาดเจ็บสาหัส และต้องตัดขาทิ้งทั้ง 2 ข้าง เมื่อปี 2011เอเจนซี – ศาลสูงสิงคโปร์มีคำพิพากษาคดี “น้องธันย์” น.ส.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ ซึ่งถูกรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับขาขาด 2 ข้างเมื่อปี 2011 โดยระบุว่าบริษัทรถไฟฟ้า “ไม่มีความผิด” ฐานละเลยตามที่โจทก์อ้างครอบครัวของน้องธันย์ซึ่งเวลานี้อายุ 16 ปี ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเดินรถไฟฟ้า เอสเอ็มอาร์ที และการขนส่งทางบกสิงคโปร์เป็นเงิน 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 112 ล้านบาท) โดยให้เหตุผลว่าองค์กรทั้งสองไม่มีมาตรการดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารบนสถานีรถไฟฟ้าอย่างเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ในคำพิพากษาความยาว 81 หน้ากระดาษที่ศาลประกาศออกมาวันนี้(2) ผู้พิพากษา วิโนธ จุมรัสวามี ได้ปฏิเสธเหตุผลที่ฝ่ายโจทก์อ้าง โดยชี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่าสถานีรถไฟฟ้า อัง โม เกียว “มีความปลอดภัยมากพอ” ในช่วงเวลาที่น้องธันย์พลัดตกลงไปจนถูกรถไฟทับขา ดังนั้น บริษัทรถไฟฟ้าและการขนส่งทางบกสิงคโปร์จึงไม่มีความผิดฐานละเลย

“อาการบาดเจ็บของโจทก์ถือเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเยาวชนที่อายุเพียงเท่านี้... แต่การจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายจะต้องพิจารณาจากความผิดของจำเลยเป็นหลัก ไม่ใช่เพราะว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บ” ผู้พิพากษาสิงคโปร์ ระบุ

น้องธันย์ ซึ่งศึกษาอยู่ที่โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง ได้เดินทางไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อนที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2011 เธอประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในรางรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีที่สถานี อัง โม เกียว จนถูกรถไฟทับขาบาดเจ็บสาหัส และต้องตัดขาทิ้งทั้ง 2 ข้าง

เอสเอ็มอาร์ที แย้งว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับน้องธันย์เป็นเพราะความประมาทของตัวเธอเอง และน้องธันย์สามารถตระหนักได้ถึงอันตรายที่อาจเกิดจากรถไฟฟ้าที่กำลังเข้าสถานี ซึ่งหากยืนอยู่หลังเส้นเหลืองจนกว่ารถไฟจะจอดเทียบเรียบร้อย น้องธันย์ก็จะปลอดภัย และไม่มีทางร่วงลงไปในรางรถไฟฟ้าได้

ไม่มีความคิดเห็น: