พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผย รัฐมนตรีบ่นไม่ไหวเหนื่อยฉิบหาย เซ็งโดนคนรุมด่าอีก ชี้เคยเตือนชาวนาแล้ว หวั่นมีพวกบิดเบือนข้อมูลให้เข้าใจผิด ครวญตนไม่ใช่ผู้วิเศษขี่ม้าขาว เป็นแค่คนขี่ม้าขาเป๋ ชี้มาตรา 44 ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ย้ำทุกคนต้องช่วยกัน
วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานสัมมนา Thailand Competitiveness Conference 2015 โดยกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ประเทศเรามีทั้งคนฉลาด คนระดับกลางและคนระดับล่าง ซึ่งคนระดับล่างมักถูกปลุกระดมให้ต่อต้าน เราต้องทำให้ข้างล่างมาอยู่ข้างบนให้ได้ ด้วยการปฏิรูปด้านการศึกษา ส่วนเรื่องของประชาธิปไตยไม่สามารถบังคับกันได้ หลังจากนี้อนาคตประเทศก็อยู่ที่ทุกคน เพราะเรามีเวลาที่จำกัด สิ่งที่ทำได้คือการแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญเปิดให้มีการทำประชามติและมีการเลือกตั้ง ซึ่งที่ขอมาตนก็ทำให้หมด หลังจากนี้หากไม่มีข้อขัดแย้งอะไรแล้วตนก็กลับไปเป็นตาแก่ที่บ้าน
ส่วนเรื่องการปลูกข้าว พอรัฐบาลเสนอให้ไปปลูกอย่างอื่น โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเงินก็ไม่เข้าใจกัน ทำไมเกิดการต่อต้านหรือมีคนไปบิดเบือนสร้างให้เกิดความขัดแย้งเวลานี้ ปัญหาทุกอย่างมันพันกันไปหมด เวลานี้ใครมาว่าตนก็ไม่ตกใจ เพราะตนมองประเทศไทยสำคัญที่สุด อย่ามาต่อต้านตน ต่อต้านวันนี้ไม่มีประโยชน์ ถ้ามาต่อต้านอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ประเทศก็จะถอยหลังต่อไป
อย่างไรก็ตามวันนี้รัฐบาลทำงานกันอยู่อาจมีปัญหาบ้าง ซึ่งรัฐมนตรีโดนด่าทุกคน เพราะความไม่ไว้วางใจไม่เชื่อมั่น สรุปไม่เหลือใครดีเลย ดังนั้นควรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ มีเหตุผล มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ หากเขาทำไม่ดีก็อยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เกิดจากการปรับคณะรัฐมนตรี แต่เป็นเพราะประชาชนออกมาขับไล่คนเหล่านี้จนอยู่ในประเทศไม่ได้ ตนเป็นห่วงเรื่องการขยายข่าวความขัดแย้งเพราะจะสื่อออกไปถึงต่างประเทศ ต่อไปเวลาตนไปพูดกับต่างประเทศ ก็จะบอกว่าตนทำงานอยู่ 3 อย่าง คือ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง และผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับคำว่าโรดแม็ปของตน คือ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ มีการทำประชามติ การเลือกตั้ง หากการทำประชามติไม่ผ่านก็ต้องช่วยตนคิดว่าจะทำอย่างไร ตนไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจ วันนี้รัฐมนตรีจะลาออกกันหมดแล้ว บอกไม่ไหวเหนื่อยฉิบหาย ไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ มาแล้วยังไม่ได้รับคำชม ยังโดนด่าอีก อยู่เฉย ๆ ดีกว่า บางคนถ่ายรูปกับตนแล้วก็ไปพูดว่าตนเห็นด้วย ความจริงแล้วไม่ใช่ คนเจอกันก็พูดคุยกัน แต่เรื่องผลประโยชน์ตนไม่คุยด้วย กับเพื่อนตนยังไม่คุยกันเลย เพื่อนก็มีทิ้งไปเยอะแล้ว ครอบครัวก็เป็นห่วง แต่ต้องทำเพราะประเทศสำคัญที่สุด
ทั้งนี้ ตนไม่ใช่ผู้วิเศษขี่ม้าขาว ม้าที่ตนขี่ก็เป๋อยู่ตลอด เพราะมีพวกที่เกะกะเยอะ ทุกคนต้องช่วยตน อย่าให้มีอะไรรบกวนการทำงานในวันนี้ ด้วยการสร้างความเข้าใจ อย่าคิดจะใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว ใช้มาตรา 44 ทำได้ทั้งหมดมันไม่ใช่ ถ้าทำก็ต้องปะทะกับคนเป็นหมื่น เราต้องให้เขาเรียนรู้และต้องช่วยเปลี่ยนผ่านตรงนี้ให้ได้ และต้องใช้เวลาไม่นานเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น