PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เปลว สีเงิน:กรณีสะท้อนไทยที่'ไม่สำนึก'

      เก็บอาการความเป็นพวก "ร่วมบริวาร" ระบอบทักษิณไว้หน่อยก็ดีนะ ท่าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และท่าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ

      การที่อัยการญี่ปุ่น "สั่งไม่ฟ้อง" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กรณีพกปืนขึ้นเครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ และไปถูกจับได้ตอนขากลับที่สนามบินญี่ปุ่น นั้น

      ในฐานะท่านทั้ง ๒ เป็นนายตำรวจผู้รักษากฎหมาย มีหน้าที่ ปราบปราม ควบคุมคนทำผิดกฎหมายมาดำเนินคดีตามกระบิลเมือง

      เมื่อทางญี่ปุ่น สั่งไม่ฟ้องในบ้านเขา........

      ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้รักษากฎหมาย ยิ่งโดยเฉพาะกับคนระดับ ผบ.ตร.จะกระดี๊กระด๊า ลิงโลด-ยินดี กับผู้ทำผิดกฎหมาย ไม่ว่ากับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หรือกับใครทั้งสิ้น

      เป็นพวกกัน ก็เก็บความยินดีในฐานะ "คนร่วมนาย" ไว้ไปฉลองกันเองทีหลังเป็นการภายในก็ได้!

      ส่วนต่อสาธารณะ ด้วยบทบาท-หน้าที่ตำรวจ การแสดงออก ควรรักษา "จรรยาผู้รักษากฎหมาย" ไว้ศักดิ์-ไว้ศรีสถาบัน ให้เป็นที่เชื่อถือ

      คือไม่ยึดญาติ ไม่ยึดนาย ไม่ยึดมิตร ไม่ยึดศัตรู ไม่ยึดรวย ไม่ยึดจน ให้อยู่เหนือ "จรรยาบรรณตำรวจ" ในการแสดงออกและการปฏิบัติกับผู้ต้องหา

      นอกจาก "เมตตา-กรุณา" ทั่วไปในฐานเพื่อนมนุษย์.............

      นอกนั้น ไม่สมควรแสดงความ "ดีใจหรือสะใจ" จนเสียดุลแห่งธรรมและกฎหมาย เมื่อเห็นผู้ต้องหา "ผิด" หรือ "พ้นผิด" ในขั้นตอนใด-ขั้นตอนหนึ่งตามกระบวนการ

      ยิ่งกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พ้นการเอาผิดจากประเทศหนึ่ง นั่นก็ไม่ใช่บทสรุปว่า.....

      ที่นำปืนเล็ดลอดการตรวจจับจากการท่าฯ ประเทศไทย ขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปได้นั้น "ความผิดที่เกิดขึ้นแล้วนั้น"

      จะโมเมว่า "ไม่ผิด" ไปด้วย!

      พล.ต.อ.สมยศ ต้องแสดงออกในบท "ผู้รักษากฎหมาย" ให้สังคมได้เชื่อถือเป็นมาตรฐานว่า...

      กับ "ความผิดที่สำเร็จแล้ว" ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คือการนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ ซึ่งมีตัวบทกฎหมายระบุลักษณะความผิดไว้ชัดแจ้งนั้น

      เมื่อกลับถึงไทย........

      ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าผู้รักษากฎหมายไทย จะจัดการอย่างไร กับผู้ต้องหารายนี้?

      ไม่ใช่ทราบข่าวอัยการญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้องปุ๊บ......

      หัวหน้าตำรวจยิ้มร่าออกข่าว "แสดงความยินดีล่วงหน้ากับครอบครัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ปั๊บ"

      แบบนั้น เท่ากับสร้างทัศนคติจากสังคมให้สะท้อนกลับว่า ........

      ผบ.ตร. "สมบูรณ์ยศ-สมบูรณ์ตำแหน่ง" แต่บกพร่องจรรยาบรรณและขาดจิตสำนึกในวุฒิภาวะ!

      ความน่าจะเป็นด้วยบรรทัดฐานกฎหมายในกรณีนี้ เพื่อสร้างมาตรฐานความเข้มงวด-เอาจริงด้านความปลอดภัยในสนามบิน พล.ต.อ.สมยศ น่าจะเปลี่ยนคำว่า "ขอแสดงความยินดี" ไปเป็นว่า........

      "ให้คุมตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์จากสนามบินมาเข้ากระบวนการสอบสวนต่อ ในฐานะผู้ต้องหา"?

      ไม่ใช่อย่างที่ "ลูกกระเดือก" พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ทำหน้าที่โฆษก สตช.กลิ้งตาม "คอหอย" ออกข่าว

      "ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมา" ประมาณว่า มาเมาธ์ประสามะเขือเทศด้วยกัน ไม่ใช่แบบตำรวจกับผู้ต้องหา!?

      ผมก็สังเกตมานาน พลันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถูกตำรวจญี่ปุ่นจับ ที่สนามบินนาริตะ

      "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" กลายเป็น "สำนักงานทนายแก้ต่าง" ให้ผู้ต้องหาที่ชื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปทันที

      โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ทำหน้าที่ "ฟอกถ่านให้ขาว" ด้วยตำแหน่งโฆษก!

      จะหาความสลดหรือสำนึกสักนิด "ในภาพใหญ่" ว่า สิ่งที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำ มันสร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศชาติขนาดไหน?

      จะหาความละอายด้วยสำนึกสักนิด "ในภาพย่อย" ว่า สิ่งที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำ

      มันประจานและฟ้องถึงมาตรฐานตรวจสอบ และมาตรฐานการทำงานทั้งสนามบินและ ตม.ขนาดไหน?

      ไม่มีเลย.......!

      ทั้งจากคอหอยและลูกกระเดือก มีแต่ตั้งหน้า-ตั้งตากลิ้งไปด้วยกันแถลงข่าว ออกข่าว แก้ต่างให้ผู้ต้องหารายวัน

      "แจ๊ดปืนเล็กนิดเดียว....

      .......อายุมากแล้ว หลงๆ ลืมๆ"!

      "บกพร่องโดยสุจริต" เจริญตามรอยนายใหญ่หมาไม่กัด ว่างั้นเถอะ ด้วยการทำคดีของตำรวจ เคยเมตตา-ปรานี และรับฟังคำแก้ตัวจากผู้ต้องหารายไหนบ้างมั้ย ที่ถูกจับแล้ว เขาอ้างในการทำผิดว่า.....

      "ผิดนิดเดียว...ไม่เจตนา...อย่าดำเนินคดีเลย...ฉันแก่แล้ว"

      แล้วตำรวจผู้ทำคดี "ใจอ่อน" ยกประโยชน์ให้จำเลย "บนโต๊ะ" จริงๆ ไม่ใช่ใต้โต๊ะน่ะ?

      เห็นมีแต่ตะคอกกลับ....

      ไอ้นี่ ผู้ร้ายปากแข็งบ้าง อย่ามาทำแก้ตัวบ้าง กฎหมายต้องเป็นกฎหมายบ้าง ไปว่ากันที่ศาลบ้าง!

      ด้วยข้อเท็จจริงอีกด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ขณะนี้ พ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจไปแล้ว พูดง่ายๆ อยู่ในสถานะ "นายคำรณวิทย์"

      แต่จะกับนายคำรณวิทย์ หรือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ การใช้สถานภาพแห่งความเป็น "สถาบันตำรวจ" ไปวิ่งเต้นช่วยเหลือ "ผู้ทำผิดกฎหมาย" อย่างที่ทำกัน นั้น มันสมควรหรือ?

      มีคำพูด "สะท้อนจริง" สังคมไทยว่า.........

      เมื่อตำรวจจับใครมาสักคนหนึ่ง จะยัดข้อหาให้ก่อน แล้วไปหาความผิดมายัดใส่ทีหลัง

      แต่เมื่อถึงศาล...........

      ผู้พิพากษาจะมองผู้ต้องหาทุกคน "บริสุทธิ์" จนกว่าฝ่ายผู้กล่าวหา จะนำพยาน-หลักฐาน มายืนยันได้ชัดจริงว่า "ผิดจริง" ตามคำกล่าวหานั่นแหละ จึงจะสรุปโทษ

      เห็นแต่ราย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รายแรก .........!

      ถูกตำรวจญี่ปุ่นจับปุ๊บ ตำรวจยุคสมยศ "แก้ข้อหา" ให้ปั๊บ...ไม่ผิด..ไม่ผิด ปืนเล็กนิดเดียว

      แล้วไอ้ที่ว่า "เล็กนิดเดียว" นอร์ท อเมริกัน อาร์ม .22 แมกนัม กระบอกนี้อยากถามว่า นอกจากประเด็นพกพาขึ้นเครื่องบินแล้ว ตำรวจไม่สนใจตรวจสอบเลยหรือว่า

      เป็นปืนเถื่อนหรือปืนมีทะเบียนถูกต้อง?

      และถึงมีทะเบียน พกพาไปในที่สาธารณะ โดยเฉพาะสนามบินโดยไม่ผิดกฎหมายได้หรือ?

      การท่าฯ ก็เหมือนกัน ที่บอกว่าเครื่อง CTX-9400 ตรวจจับเฉพาะวัตถุระเบิด จึงไม่พบปืนคำรณวิทย์นั้น

      ถ้าทั้งตำรวจ ไม่นำตัวคำรณวิทย์เข้าสู่กระบวนการกฎหมาย และการท่าฯ ไม่แสดงความกระตือรือร้น "เป็นเจ้าทุกข์" เอาเรื่องคำรณวิทย์ต่อตำรวจ

      สนามบินประเทศไทย อาจกลายเป็น "ต้นทางต้องห้าม" สำหรับสนามบินอื่นๆ ทั่วโลกจะประกาศก็เป็นได้!

      ในยุค "หมาป่ากับลูกแกะ" เขาอ้างเป็นเหตุทำได้ทั้งนั้น ฉะนั้น เรื่องนี้จะหยวนๆ กันไปไม่ได้

      ก็ในเมื่อเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าที่สนามบินของไทย ตรวจจับปืนไม่ได้ อีกทั้งตำรวจไทยก็ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้

      สนามบินประเทศไทย จะกลายเป็น "ศูนย์กลางขนอาวุธปืน" ขึ้นเครื่องบินโดยสารออกไปทั่วโลกทันที!

      ตระหนักประเด็นนี้กันหรือยัง หรือรอให้ "เป็นเรื่อง" เสียก่อน ค่อยล้อมคอก?

      อย่าใช้เป็นเหตุโละ CTX ที่สุวรรณภูมิ แล้วจัดซื้อกันใหม่เชียว CTX มันก็เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้นี่แหละ มันพัฒนารุ่นตลอด คนใช้ก็ต้องเสียตังค์ "อัพเกรด-อัพโปรแกรม" ตามไปเรื่อยๆ

      CTX ที่นาริตะ เขาใช้รุ่น 9800 ตั้งโปรแกรมตรวจจับปืนได้ ส่วนของไทยเรา ใช้มาตั้งแต่เปิดสนามบิน เป็นรุ่น 9400

      การท่าฯ ไม่คิด "อัพเกรด-อัพโปรแกรม" ให้ทันยุค-ทันสมัยบ้างหรือ เห็นรวยมหาศาลกับจำนวนหัวคนผ่านสนามบินเป็นหมื่น-เป็นแสนล้าน เอาไปทำอะไรกันหมดล่ะ?

      โลกเจริญ ของใช้เจริญ..........

      ถ้าคนใช้ "เจริญ" ทันของใช้ เรื่องขี้หมาก็ไม่น่าเกิด?

ไม่มีความคิดเห็น: