PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

"ธาริต"เผยศรส.ดึงปปง.ร่วมสอบกลุ่มหนุนกปปส. คาดมีถึง 40 กลุ่ม

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ(ศรส.) กล่าวว่า ภายหลังศรส.ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกลุ่มทุนต่าง ๆทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน อุปกรณ์ ยานพาหนะกับแกนนำกปปส. จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากกลุ่มทุนเหล่านี้ เบื้องต้นเชื่อว่าอาจอยู่ระหว่างขั้นตอนการส่งหนังสือ อย่างไรก็ตาม ศรส.ได้มอบหมายให้พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 

นอกจากนี้ ในวันนี้ (30 ม.ค.57) ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำหลักฐานไปยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับแกนนำกปปส.รวม 19 คน ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนในวันพรุ่งนี้(31 ม.ค.57) เวลา 09.00 น. โดยผู้ที่ถูกขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 3 ราย คือ นายสำราญ รอดเพชร นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และ นายพานสุวรรณ ณ แก้ว นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นายธาริต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ศรส.จะเน้นตรวจสอบกลุ่มทุน 30 บริษัท ที่ดีเอสไอมีข้อมูลทางการข่าวจากการเข้าไปแฝงตัวในที่ชุมนุมซึ่งพบว่าเป็นกลุ่มทุนที่สนับสนุนเงินสดให้กับกปปส. ซึ่งในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเปิดบัญชีบริจาคและการเดินรับบริจาคในแต่ละครั้ง ซึ่งดีเอสไอได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับตำรวจสันติบาล เชื่อว่าหากมีการนำข้อมูลมาประมวลผลร่วมกันอาจมีกลุ่มทุนมากกว่า 40 บริษัท ที่ต้องถูกตรวจสอบ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าพ.ต.อ.สีหนาท จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อวางรูปแบบการตรวจสอบทรัพย์สินและธุรกรรมการเงินที่นำมาสนับสนุนและใช้จ่ายในการชุมนุม ทั้งนี้เลขาธิการปปง.สามารถใช้อำนาจเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมการเงินได้โดยไม่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการธุรกรรมที่มีตัวแทนจากศาลยุติธรรมร่วมด้วย เพราะการสนับสนุนการเงินแก่การชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ดังนั้น การตรวจสอบเส้นทางการเงินจึงต้องทำไปตามคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์ของศรส. โดยการใช้ระบบตรวจสอบของปปง.จะทำให้เห็นภาพรวมและความเชื่อมโยงทั้งหมดในการทำธุรกรรมการเงินของเครือข่ายที่มีพฤติการณ์เป็นท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งการตรวจสอบจะลักษณะเดียวกับคำสั่งที่เคยให้ตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มนปช.ก่อนหน้านี้ ที่มีการสั่งอายัดบัญชีกว่า 300 บัญชีด้วย แต่ในครั้งนั้นต้องยกเลิกคำสั่งอายัดเพราะผู้ที่ถูกอายัดสามารถชี้แจงธุรกรรมได้ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบครั้งนั้นเหตุที่ไม่สามารถตรวจสอบพบความผิดปกติได้เพราะการสนับสนุนเงินทุนครั้งนั้นเป็นการสนับสนุนในลักษณะธุรกรรมเงินสด ไม่ได้ทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน


ไม่มีความคิดเห็น: