PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

"อ๊อด"โยนลูกถอดยศ"แม้ว"ให้กฤษฎีกาตีความ หนุนให้ยธ.เป็นเจ้าภาพ

ผบ.ตร.โยนลูกถอดยศแม้ว ให้กฤษฎีกาตี ตั้งแต่เดือนก.ค. อ้างเพื่อความรอบคอบในประเด็นโต้แย้งข้อกฎหมาย หลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้อง ยันไม่ใช่เป็นการยื้อเวลา ชี้หากนายกฯ ใช้อำนาจสั่งรมว.ยธ.พิจารณาถอดยศเป็นเรื่องดี จะได้ข้อสรุปที่เร็วขึ้น
วันนี้(10 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ติดตามการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน ถ.รัชดาภิเษก ว่า หลังจากที่คณะกรรมการพิจารณาถอดยศตำรวจที่มี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ที่ปรึกษา (สบ10) เป็นประธาน มีความเห็นถึงตน และตนก็ได้ส่งความเห็นนั้นกลับไปยังสำนักงานกำลังพล (สกพ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเป็นทางการในการสรุปผลหรือนำความคิดเห็นของคณะกรรมการชุดต่างๆมาสรุป ทั้งนี้ เมื่อทาง สกพ. ได้สรุปผลถึงตนว่ายังมีประเด็นข้อกฎหมายบางประเด็นหรือหลายประเด็นที่จะต้องตรวจสอบ ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถดำเนินการถอดยศได้หรือไม่อย่างไร เมื่อมีประเด็นข้อโต้แย้งหรือข้อสงสัยในประเด็นกฎหมาย ตนจึงได้ทำบันทึกถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อซักถามในข้อคิดเห็นหรือข้อกฎหมายซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่าสามารถปฏิบัติได้หรือไม่
“เพื่อความถูกต้องชัดเจนและไม่ถูกฟ้องร้องในภายหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ทำบันทึกถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามในข้อกฎหมายที่เราไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ แต่ไม่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งตอนนี้ทาสำนักงานกฤษฎีกายังไม่ตอบกลับมา อย่างไรก็ดีในวันนี้ผมก็ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งท่านได้ถามเรื่องดังกล่าว และผมได้ชี้แจงไปตามที่กล่าวมาแล้ว” พล.ต.อ.สมยศ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึง 2 ครั้ง เกี่ยวกับการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้รับคำตอบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจดำเนินการได้ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เราจะนำแต่ละเรื่องมาเทียบเคียงกันไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องเดียวกัน อีกทั้งไม่ใช่เรื่องที่ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน สำหรับเรื่องของการถอดยศตำรวจนั้นจะต้องนำระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 มาพิจารณาว่าระเบียบนั้นสามารถนำมาบังคับใช้ได้หรือไม่กับกรณีนี้ หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่าสามารถนำมาใช้ได้ก็ตอบมา ดังนั้น เหตุผลที่ ตร. ส่งเรื่องไปให้กฤษฎีกาตีความก็เพื่อความรอบคอบและไม่ให้เกิดข้อถกเถียงในประเด็นข้อกฎหมายเพราะอาจนำไปสู่การฟ้องร้อง เพราะก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วิรุฬห์ ฟื้นแสน อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจและอดีตส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงตน จึงต้องนำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณาอีกครั้ง จะเพิกเฉยไม่ได้ เพราะอาจเป็นความผิดของตร.ได้ และในเมื่อตร.ไม่มั่นใจในข้อกฎหมายจึงต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาดังกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้กระทรวงยุติธรรมมาดำเนินการแทน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี โดย พล.อ.ไพบูลย์ จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม มาประชุมหารือกันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเรื่องไปหารือกับทางกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่กระทรวงยุติธรรมเข้ามาดูแล เพราะตนได้ส่งเรื่องไปยังกฤษฎีกานานแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นหากมีการหารือกันทุกหน่วยงาน หรือ มีการบูรณาการการทำงานจะทำให้ขั้นตอนต่างๆ ลดลง ได้ข้อสรุปเร็วขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม ได้เชิญตัวแทนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือ ได้แก่ พล.ต.อ.ชัยยะ ,พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล
การที่ รมว.ยุติธรรมเข้ามาดูแลเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี เราจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เดินไปทางไหน ทำแล้วเราก็จะสามารถตอบสังคมได้ ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทั้งในทางความคิด ความรู้สึก ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ยื้อเวลาหรือขยายเวลาแต่อย่างใด เราทำด้วยความรอบคอบ เป็นตามขั้นตอนของกฎหมาย และวิธีการที่ถูกต้อง เราไม่ได้ทำแบบเร่งรีบ ไม่ได้ทำตามกระแสหรือแรงกดดันใดๆผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ตร. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อได้รับข้อสรุปจาก สกพ. ก็ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความตามขั้นตอน ซึ่งตนไม่สามารถไปเร่งรัดทางกฤษฎีกาได้ แต่หลังการเข้ามาดำเนินการของรมว.ยุติธรรมก็อาจทำให้เรื่องนี้เร็วขึ้น ซึ่งตนเห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่การประชุมหารือของทาง พล.อ.ไพบูลย์ ว่าจะให้ ตร.เป็นผู้ดำเนินการ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้อำนาจสั่งให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการเลยก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น: