PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทสัมภาษณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในไทยโพสต์ แทบลอยด์

บทสัมภาษณ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในไทยโพสต์ แทบลอยด์ วันนี้น่าสนใจ
น่าจะเป็นการวิพากษ์กองทัพ ในมุมมองที่น่าสนใจ
1. การคอเปรัปชั่นในกองทัพ
2. ท่าทีต่อ กปปส. และการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
3. การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในรัฐบาลทักษิณ เที่ยบกับรัฐบาล คสช.
....................
1. การคอเปรัปชั่นในกองทัพ
“อย่างตอนนี้ยุคทหาร พูดกันว่าตอนนี้ตำรวจทุจริตแล้วทหารทุจริตหรือเปล่า ผมจะบอกว่าทหารนี่แหละเป็นหน่วยงานที่ทุจริตมาตั้งแต่เรื่องเกณฑ์ทหารแล้ว”
พอทหารพวกนี้เข้าไปก็ต้องมีงบประมาณ ก็ตั้งแต่จัดหา เสื้อผ้า กางเกง เครื่องแต่งกายทหาร หมวก รองเท้า เข็มขัด แม้กระทั่งงบรักษาพยาบาลเจ็บป่วย อาหารการกิน เบี้ยเลี้ยง มีค่าใช้จ่ายหมดทุกอย่าง ยิ่งเวลาส่งทหารไปรับใช้ทหารชั้นผู้ใหญ่ ไปขับรถ เฝ้าบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทั้งที่เขาถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร แต่เอาไปรับใช้ส่วนตัวกันหมด นี่ก็คือการทุจริต แล้วบางทีปล่อยกลับบ้าน แต่ให้ทหารเซ็นเอาไว้แล้วเงินไปไหน ก็ทุจริต
หรือการฝึกทหารที่มีการตั้งงบการฝึก ปีหนึ่งตั้งงบฝึกไป 250 วัน แต่ฝึกจริงๆ 100 วัน อีก 150 วันงบหายไปไหน และภายในค่ายทหารมีรถยนต์เต็มไปหมด รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถขนส่ง ตลอดจนเครื่องมือสื่อสาร ยานพาหนะประเภทต่างๆ แต่นำไปใช้บ้างหรือไม่ แต่น้ำมันเต็มถังตลอด ผมเห็นมาตั้งแต่ผมเป็นตำรวจยศร้อยตรีมา ก็เห็นเพื่อนผมที่เป็นทหาร ก็ทำให้ ทราบมาว่ามีการแอบนำน้ำมันไปขายกัน บางทีออกจากปั๊มแทนที่จะเอามาส่งในค่ายทหาร ก็เลี้ยวเอาไปขายกัน ขณะที่ตำรวจมีรถไม่กี่คันในโรงพักต่างๆ และน้ำมันก็ไม่พอใช้อีกด้วย เพราะต้องใช้ทุกวันเพื่อไปติดต่อสืบสวนสอบสวนจับกุม ทำคดี
หรืออย่างเงินเบี้ยเลี้ยงทหารในการสู้รบก็เบิกกันเต็มที่ แต่จริงๆ ไม่ได้ไป เอาตัวอย่างยุคนี้ก็ได้ ยุค คสช.คืนความสุขให้ประชาชน พอปฏิวัติก็มีการส่งทหารไปอยู่จุดต่างๆ เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่ ซึ่งก็ถูกต้องที่ส่งทหารไปประจำหลังยึดอำนาจ แต่มาถึงตอนนี้มันปีกว่าแล้ว ยังไม่ถอนกำลังออกไปเลย อะไรกันหนักหนา จะนั่งกินเบี้ยเลี้ยงกันอยู่แบบนี้หรือ เพราะการออกมาจากหน่วยจากค่ายมันมีค่าใช้จ่ายมีเบี้ยเลี้ยงหมด คุณไปดูแถวบ้านผมบางขุนนนท์ จริงๆ อาจมีทหารมาอยู่ 10 คน แต่ถามว่าเบิกกันกี่คน อาจจะ 300 คนก็ได้
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” กล่าวถึงปัญหาการทุจริตในกองทัพต่อไปว่า แล้วไปถึงระดับสูงพวกการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้างอาคาร ที่พัก แฟลต อาคารสถานที่ กองร้อย กองพัน กองพล อะไรต่างๆ การจัดซื้อรถถัง อาวุธ จรวด กระสุนปืนต่างๆ มีคอมมิชชั่นกันทั้งนั้น รถถังที่ซื้อไปคราวที่แล้วสมัยบิ๊กๆ ที่เป็นใหญ่อยู่ในเวลานี้ ถึงตอนนี้ยังวิ่งกันไม่ได้เลย บอลลูนลอยฟ้าก็ยังลอยไม่ได้ ไม้ตรวจวัตถุระเบิด ไม้ตีผี ซื้อมาก็แพงที่สุดอันละเป็นล้าน ทั้งที่ราคาจริงไม่เท่าไหร่ จนตอนนี้บริษัทที่ขายให้ที่อังกฤษติดคุกไปแล้ว แต่คนที่ร่วมด้วย ยังนั่งกันเฉย ก็ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ เอาไปเก็บไว้ที่ไหน เงินหมดไปอยู่ที่ไหน ตรวจสอบกันบ้างหรือเปล่า
“ผมจะบอกให้แม้กระทั่งบำเหน็จบำนาญยังโกงกันเลย เหมือนอย่างที่จะเยียวยาให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล กันในเวลานี้ ก็เพราะติดนิสัยแบบทหารไงคือโกง บำเหน็จบำนาญ ไปออกทวีคูณกันให้”
ที่เปิดประเด็นว่า ทหารมีการทุจริตเงินบำเหน็จบำนาญ มีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ขยายความไว้ดังนี้
…อย่างทหาร ผมฟังจากเพื่อน อย่างเงินบำนาญ เขาจะต้องใช้เงินเดือนสุดท้ายคูณอายุราชการ หารด้วย 50 ถ้าอายุราชการ 50 ปี หมายถึงคุณต้องรับราชการตั้งแต่ 10 ขวบ ถึงจะมีอายุราชการ 50 ปี แล้วคุณจะได้บำนาญเท่ากับเงินเดือนเดือนสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ถึงหรอก เพราะคุณจะรับราชการ ทหารอาจได้เปรียบพลเรือน เพราะพอเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ก็ได้บรรจุเป็นพลทหารหรือพลตำรวจ ก็ได้นับอายุราชการแล้ว ก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ยังไม่ถึงอายุ 20 ปี ก็ประมาณอายุ 18 ปี ก็ถือว่าเริ่มรับราชการแล้ว เต็มที่ก็คือนับอายุราชการได้ 42 ปี แต่ถ้าได้ทวีคูณนิดหน่อยก็อาจจะถึง
อย่างผมได้อายุราชการตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจตอนอยู่ปี 1 ก็อายุประมาณ 18 ปี จนเกษียณตอน 60 ปี ก็นับได้ 40 กว่าปี แล้วผมไปได้อายุราชการทวีคูณตั้งแต่อยู่นาแก ก็นับตั้งแต่ร้อยตรี จนถึงผู้กำกับจังหวัดมุกดาหาร ก็บวกเข้าไปสิบกว่าปี ผมก็ได้อายุราชการประมาณ 50 กว่าปี ผมก็ได้บำเหน็จบำนาญเต็ม แต่ยังมีข้าราชการทหารอีกจำนวนมาก หรือตำรวจจำนวนมาก ไม่ถึงเกณฑ์แบบนี้ พอไม่ถึงตำรวจก็คือไม่ถึง
“แต่ทหารเขาคุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. พอไม่ถึงเกณฑ์ก็ไปใช้วิธีขอไป ท่านครับ พี่ครับ น้องครับ ช่วยออกคำสั่ง กอ.รมน.ให้ออกคำสั่งให้ผมไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อจะให้นับอายุทวีคูณเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ได้เต็ม แบบนี้เขาเรียกว่าโกงบำนาญ”
…ทวีคูณแล้วก็ยังใจดี ให้เงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบอีก อย่างทวีคูณว่าให้ไปอยู่ภาคใต้แล้วก็ให้ปีละขั้น สมมุติว่าเป็นนายพลแล้วเงินเดือนสูง เช่นสมมุติตัวเลขเฉยๆ อย่างขั้นละ 4 พัน สองขั้นก็ล่อไป 8 พันบาทแล้ว คุณไปดูปลัดกระทรวง อธิบดี ที่เป็นข้าราชการพลเรือน เขาไม่มีเงินทวีคูณ เพราะเขาไมได้ พวกพลเรือนการนับอายุราชการก็จะไม่ถึง 50 ปี เขาก็จะได้บำนาญเดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท สูงสุดก็ 4 หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้นเอง แต่ของทหาร 6-7 หมื่นกันหมด ไปตรวจสอบที่กรมบัญชีกลางได้ เอารายชื่อทหารที่รับราชการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รับเต็มหมด
“แบบนี้เขาเรียกโกงบำนาญ แล้วทำไมไม่ปฏิรูปกันบ้าง จะมาปฏิรูปอะไรกับตำรวจ โกงตรวจจับรถผิดกฎหมายอะไรแค่นี้ มันไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่นี้ก็แก้กันได้ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องมาปฏิรูปตำรวจ”
................
2. ท่าทีต่อ กปปส. และการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
พวก สปช.คุณไปแก้ไขตัวเองเสียก่อน พวกไปตั้งที่ปรึกษา เลขานุการ อะไรต่างๆ ไปตั้งลูกหลาน ตั้งคนที่ไม่มีความรู้อะไรมาเป็นที่ปรึกษา สปช. วัยวุฒิก็ไม่เหมาะสม ไปตั้งทั้งลูก ตั้งเมีย มารับเงินเดือนกัน แค่นี้ยังคิดโกงกันแล้ว แล้วอย่างอื่นจะไม่โกงกันหรือ ยกมือก็โกงกันอีก เอาแต่ไปว่านักการเมืองรับเงิน แล้วพวกนี้รับเงินไหม รวมถึงตั้งพวกที่มีข่าวทุจริตกัน ทำไมไม่สอบกัน อย่าลืมว่าพวกนี้คดีไม่หมดอายุความ ปัดโถ่ ไปดูตัวเองเสียก่อน
กปปส.เองก็ตัวทำลายชาติ ที่บ้านเมืองมีปัญหาทั้งหมดก็เพราะ กปปส.ทั้งนั้น พูดกันตรงๆ แฟร์ๆ ผมไม่ใช่นักการเมือง ไม่เข้าใครออกใคร เลือกตั้งกี่ครั้ง ประชาธิปัตย์ก็แพ้พรรคเพื่อไทยทุกที สู้ในสภาฯ ไม่ได้ก็เลยมาสู้นอกสภาฯ คนกรุงเทพมหานครไม่รู้จักพรรคอะไร ก็ประชาธิปัตย์ พรรคอื่นอย่างชาติไทย ชาติพัฒนา ภูมิใจไทยก็เข้ามาในกรุงเทพฯ ไม่ได้ คนกรุงเทพฯ ก็เห่อแต่ประชาธิปัตย์ กปปส.อย่ามาพูดเลย
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” มองเจตนาหลายฝ่ายที่พยายามกระทุ้งเรื่องปฏิรูปตำรวจว่า ก็ต้องการลดอำนาจตำรวจ กลัวตำรวจเป็นใหญ่นักหรือ ทุกคนก็พยายามจะทำอะไรเพื่อป้องกันตัวเอง ลองคืนอำนาจตัวให้กลับมาเหมือนเมื่อก่อนสิ ถ้าคืนอำนาจให้กลับมาแบบเดิม ตำรวจจะทำงานคล่องขึ้น ทำอะไรได้ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้กฎหมายก็คานกันอยู่แล้ว หากตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มันก็มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คุมอยู่ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ อีก อำนาจกับหน้าที่มันต้องควบคู่กัน ถ้าอยากให้เขาทำงานดีก็ต้องให้อำนาจหน้าที่ งบประมาณเขาเต็มที่
ถามต่อไปว่า ฝ่าย คสช.เองก็พยายามจะบอกตลอดต้องปฏิรูปตำรวจ แต่ขอเวลาก่อน ดูเจตนาต้องการอะไร “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เห็นว่า จริงๆ แล้ว คสช.ควรทำเรื่องปฏิรูปการเลือกตั้งอย่างเดียว ประเด็นอื่นไม่ต้องไปจับ คสช.ทำเรื่องปฏิรูปการเลือกตั้งอย่างเดียวก็พอ โดยตั้งเป้าหมายให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้คนดีมาเป็น ส.ส. วันที่ยังเดินอยู่บนไม้ได้ แต่วันหนึ่งมันก็อาจจะผุอาจจะหัก ถ้าร่วงลงมาแล้วจะรู้สึก ถ้าเสียสละไปตั้งแต่วันนี้ยังดีกว่าจะไปหลงอำนาจ
.........................
3. การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในรัฐบาลทักษิณ เทียบกับรัฐบาล คสช.
.สมัยรัฐบาลเลือกตั้งยังไม่กล้าทำขนาดนี้ สมัยก่อนตอนยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตอนนั้นผมเป็นผู้บัญชาการสอบสวนกลาง แล้วจะดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ขึ้นให้ได้ แต่ตอนนั้นเขาเป็น ผช.ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผมเป็น ผช.ผบ.ตร. ปีที่ 6 แต่คุณเพรียวพันธ์นับได้แล้วเป็นผู้ช่วยอยู่ปีที่ 1 ครึ่ง ผมอยู่เป็น ผช.ถึง 6 ปี เพราะมีการบีบไม่ให้ผมขึ้น เขาจะดันเพรียวพันธ์ขึ้นให้ได้ ก็มีการนำตำรวจไปอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีโดยให้ยศ พล.ต.อ.ไป ทำให้เพรียวพันธ์กระเถิบตำแหน่งมาใกล้กับผม แต่อาวุโสยังไงก็ต่างกันเพราะไม่สามารถทำอายุให้เกินผมได้ แต่ถึงเวลาจริงๆ ผมนึกไม่ถึง เขาตั้งเพรียวพันธ์ไปเป็นรอง ผบ.ตร.ก่อนผม
ผมก็ฟ้อง ตอนหลังคุณทักษิณก็มาเจรจากับผม บอกขอให้ผมถอนฟ้องแล้วจะให้ผมขึ้นก่อน ก็เป็นเหตุที่มาทำให้ผมถอนฟ้อง แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ผมขึ้นไปได้เพราะถูกปฏิวัติไปก่อน แต่ผมก็เชื่อในคำพูดที่ตกลงกันตอนนั้น เพราะเพรียวพันธ์ยังเป็นหลังผมตั้ง 4 ปี จะรีบแซงผมไปทำไม แค่คิดก็ผิดแล้ว แต่ยุคนี้มีใครกล้าฟ้อง คสช. วิจารณ์ยังไม่ได้เลย
ถามถึงจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนมีอำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร.อาจอ้างเรื่องสถานการณ์พิเศษอะไรแล้วดันรอง ผบ.ตร.คนอื่นที่ไม่ได้อาวุโสสูงสุดมาเป็น ผบ.ตร. เพราะคราวที่แล้ว พล.ต.อ.สมยศที่อาวุโสน้อยกว่า พล.ต.อ.เอกก็ยังได้เป็น ผบ.ตร. “อดีต ผบ.ตร.” ผู้นี้ยอมรับว่าก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ก็แล้วแต่เขา แต่มันจะถูกต้องชอบธรรมไหม ถ้าเขาอยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ต้องยึดหลักตามระบบ แต่ถ้าทำอย่างที่ถาม ถามว่าเขาทำได้ไหม-ก็ทำได้ แต่จะถูกด่าไหม ผมก็ด่าแน่ เพราะผมก็ถือว่าเป็นตำรวจเก่า ผมก็รักองค์กรผม จะมาทำลายองค์กรผมได้ยังไง มันก็ไม่ถูกต้อง ตั้งคราวที่แล้วผมยังด่าเลย
......................
อ่านฉบับเต็ม
ไม่ต้องปฏิรูปตำรวจทหารไปดูตัวเองก่อน
---

ไม่ต้องปฏิรูปตำรวจทหารไปดูตัวเองก่อน
กับกระแสข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายที่เร่งให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ, คณะรัฐมนตรี และ คสช.เดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังโดยเร็วและเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะ "การปฏิรูปตำรวจ" ที่หลายฝ่ายเห็นพ้องตรงกันว่าเป็นประเด็นที่ควรต้องปฏิรูปมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
แต่ในทัศนะของอดีต ผบ.ตร. “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” มีความเห็นที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีปัญหามากถึงขนาดต้องปฏิรูปองค์กรทั้งองค์กร แต่องค์กรที่ควรปฏิรูปมากที่สุดคือ "กองทัพ" แต่กลับไม่มีใครเรียกร้องให้ทหารปฏิรูปทั้งที่มีปัญหามากมายหลายเรื่อง
เพราะเหตุใด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถึงมีแนวคิดเช่นนี้ เขายกเหตุผลหลายเรื่องมาอธิบายว่าที่ผ่านมาตำรวจทำงานดีแล้ว และที่สังคมเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจ เพราะตำรวจทำงานใกล้ชิดกับประชาชน จึงทำให้ประชาชนเห็นข้อบกพร่องของตำรวจมากกว่าข้าราชการส่วนอื่นๆ
จากที่เคยรับราชการตำรวจมาจนถึงตอนนี้ ยืนยันไม่เห็นมีข้าราชการหน่วยงานใดทำงานเสียสละเท่าตำรวจ ผมพูดแบบกลางๆ เลย ไม่ใช่พูดในฐานะอดีตตำรวจ ข้าราชการอื่นๆ ทำงานแค่ 08.30-16.30 น.ก็กลับบ้านแล้ว ยังไม่รวมการนำเวลาราชการไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อีก รวมถึงทหาร อัยการ ศาล กรรมการองค์กรอิสระด้วย ก็เหมือนกัน ที่ทำเฉพาะเวลาราชการ แต่ตำรวจนั้นต้องทำงานทั้งในและนอกเวลาราชการเพื่อรับใช้ประชาชน สังคมจึงเห็นข้อบกพร่องต่างๆ เช่น การทุจริตของตำรวจจราจร จึงคิดว่าตำรวจมันไม่ดี มันเลว แต่จะหาข้าราชการหน่วยไหนที่เสียสละเท่าตำรวจไม่มี ข้าราชตำรวจปฏิบัติงานต่อเนื่องตลอดเวลา แม้จะมีการเข้าเวรเช่นเดียวกับอาชีพอื่น เช่น พยาบาล แต่พยาบาลพอออกเวรก็หยุดทำงาน ในขณะที่ตำรวจนั้นเมื่อรับคดีมาแล้วก็ต้องไปสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาเอามาทำสำนวน ส่งอัยการฝากขัง ผิดพลาดขั้นตอนใดก็ไม่ได้ ต้องสั่งฟ้องตามเวลา เวลามันบีบไปหมด พอคดีไปศาลก็ต้องไปเป็นพยานที่ศาลอีก มันไม่มีใครเสียสละเท่าตำรวจ
       อย่างทหารก็เช่นกัน ที่มีกำหนดให้วันพุธเป็นวันกีฬา ทหารไปตีกอล์ฟกันหมด คุณว่างนักหรือ อยากถามว่าตำรวจไปได้หรือไม่ ทหารว่างเหลือเกิน แล้วทำไมจึงอยากจะปฏิรูปตำรวจกันนัก อำนาจการสืบสวนสอบสวนจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายมันหอมหวนนักหรือ ถึงอยากจะแย่งอำนาจไป
ในอดีตสมัยเริ่มรับราชการตำรวจ อำนาจการสืบสวนสอบสวนจับกุมดำเนินคดีเป็นอำนาจของตำรวจหมดเลย จะออกหมายเรียกหรือออกหมายค้นเป็นอำนาจของตำรวจทั้งสิ้น ไม่ต้องไปขอผู้ว่าราชการจังหวัด หรือศาล แม้แต่จะลงพื้นที่ไปตรวจค้นเองก็ไม่ต้องมีหมายค้นด้วยซ้ำ เพราะตำรวจเป็นคนออกหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าตำรวจทำไม่ดี ไม่ยุติธรรม กลั่นแกล้งเขาก็มีกฎหมายเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบอยู่แล้ว ใครที่ผมไปเรียก ไปค้น ไปจับก็สามารถฟ้องร้องผมได้ มันก็คานอำนาจกันอยู่ในตัวแล้ว
ผมก็จับทั้งหมด ตั้งแต่นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น ส.ส. เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ยันรัฐมนตรี ก็จับโดยไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา  
..คนอื่นอยากแย่งอำนาจไป เพราะเห็นว่าตำรวจมีอำนาจมาก แต่ไปดูข้อเท็จจริง อย่างตำรวจกับทหารที่เรียนมาด้วยกัน ตอนที่ตำรวจมียศ ร.ต.ต. พร้อมกับทหารมียศ ร.ต. แต่คนเป็นทหารไม่มีอำนาจอะไรเลยตามกฎหมาย แต่ตำรวจสามารถออกหมายเรียก พล.อ.มาสอบสวนได้ และถ้าหากมีความผิดจริงก็สามารถออกหมายจับได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันสะสมจนกระทั่งมันต้องแบ่งอำนาจมา เพราะฉะนั้นใครมาก็อยากปฏิรูปตำรวจกันทั้งนั้น
ที่ผ่านมาก็มีการเอาอำนาจจากตำรวจไปเยอะ โดยอ้างว่าตำรวจสืบสวนสอบสวนไม่ให้ความเป็นธรรมต่างๆ แต่ถามว่าข้อเท็จจริงมันมีหรือไม่ มันก็มีบ้าง เพราะทุกองค์กรมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไป แต่อย่าเหมารวมทั้งหมด
…พอเอาอำนาจไป เวลาจะออกหมายเรียกหมายค้นหมายจับ ก่อนจะไปถึงศาลก็ต้องมาขออนุมัติจากผู้ว่าฯ นายอำเภอ ทำให้เสียเวลา
“อดีต ผบ.ตร.” ยกตัวอย่างคดีดังที่ทำให้ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป นั่นก็คือคดี "กำนันเป๊าะ" ผู้ทรงอิทธิพลของจังหวัดชลบุรีในอดีต มาอธิบายปัญหาการทำงานระหว่างตำรวจกับหน่วยงานอื่น
…สมัยที่ผมอยู่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แล้วทำคดีนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผมสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว แต่การจะไปจับผู้ต้องหาต้องไปให้ผู้ว่าฯ ออกหมายจับ ผมจึงได้ให้ลูกน้องถือสำนวนไปคุยกับผู้ว่าฯ ปรากฏว่าผู้ว่าฯ จ.ชลบุรี ขณะนั้นไม่ยอมเซ็นออกหมายให้จับ ไม่เซ็นสำนวนให้ ทั้งๆ ที่เขาไม่มีความรู้เรื่องสำนวนเลย ไม่เคยสอบสวนใครเลย จะรู้ดีกว่าตำรวจได้อย่างไร เขาก็ขวางผม ผมก็บอกไปว่า ตอนก่อนจะมาเป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี ที่เคยเป็นผู้ว่าฯ ระยอง เคยทำอะไรไว้ไหม ผมจะไปตรวจสอบ จะจับให้ดู พอบอกไป ผู้ว่าฯ ก็เซ็นมาให้เลย
มายุคนี้มันเปลี่ยนไป เวลาจะออกหมายจับหมายค้นก็ต้องไปขอศาล ตำรวจอยู่ดีๆ จะไปขอศาลออกหมายได้อย่างไร ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนชัดเจน ซึ่งทำให้โจรผู้ร้ายหนีหมด แต่ก็ต้องทำ เพราะกฎหมายกำหนดมาแบบนั้น พูดตรงๆ คือทำให้เสียเวลาในการไปอธิบายขออนุมัติศาลออกหมายจับเช่นเดียวกับการที่ไปให้อัยการมามีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีในการชันสูตรพลิกศพกับตำรวจ แต่ถึงเวลาจริงไม่ไป ให้ตำรวจทำ แต่ขอเซ็นชื่อด้วยเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าในเขายิ่งไม่มาร่วมด้วยเลย อัยการก็ไม่มา
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาบางฝ่ายเอาแต่อำนาจโดยที่ประชาชนก็ไม่เคยรู้ ด้วยเหตุนี้ตำรวจจึงได้ถูกดึงไปเรื่อยๆ สมัยก่อนตำรวจมีอำนาจสืบสวนสอบสวน ข้าราชการทุจริต นักการเมืองทุจริต ตำรวจก็สอบสวนก็ทำได้ เพราะมีเครือข่ายทั่วประเทศ เช่น คดีกำนันเป๊าะ ก็ไม่ใช่เฉพาะกำนันเป๊าะเท่านั้นที่ทุจริต แต่ข้าราชการในพื้นที่ก็ร่วมด้วย แต่ข้าราชการไม่ดังก็เลยรู้กันแค่ว่ากำนันเป๊าะทุจริต แต่ความจริงก็เป็นการทุจริตของข้าราชการ เรื่องนี้ตำรวจก็สอบสวนเองจนสามารถนำตัวมาติดคุกได้ 
ก่อนหน้านั้นคดีทุจริตเหล่านี้ตำรวจก็ดำเนินคดีเองทั้งนั้น โดยเมื่อเหตุเกิดที่ไหนก็ใช้ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเองทั้งนั้น แต่ต่อมาได้ตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง ป.ป.ช.เขียนกฎหมายเพื่อเอาคดีไปหมด ทั้งๆ ที่ตำรวจเองก็มีหน่วยงานอย่างกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งทำหน้าที่สอบสวนคดีทุจริตอยู่แล้ว แต่สุดท้ายปรากฏว่า ป.ป.ช.ไม่มีปัญญาทำคดี เรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องส่งเรื่องกลับคืนมาให้ตำรวจทำอยู่ดี หรือคดีที่อนุ ป.ป.ช.ต่างๆ ต้องรับผิดชอบสอบสวนก็ไม่มีปัญญาทำ ต้องให้อัยการ ตำรวจ ดีเอสไอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐไปช่วยทำ แต่องค์กรเหล่านี้เวลาทำคดีนั้นก็ไม่มีเครือข่ายเป็นใยแมงมุมในต่างจังหวัดเหมือนตำรวจ แม้พยายามจะตั้ง ป.ป.ช.จังหวัดขึ้นมาก็ไม่มีประสิทธิภาพอยู่ดี แม้กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ พอตั้งขึ้นมาก็ต้องเอาตำรวจไปเป็นหลักเพราะเชี่ยวชาญกว่า
สรุปคือองค์กรพวกนี้ทำได้แค่คดีเอกสารเท่านั้น คือการเรียกเอกสารมาดูมาตรวจสอบว่าใครทุจริตหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าให้สืบสวนแบบตำรวจก็ทำไม่ได้ จะให้ใครมาเฝ้าผู้ร้ายทั้งคืนเพื่อรอจับกุมอย่างตำรวจไม่มีอีกแล้ว ไม่มีใครทำได้แบบนี้ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตำรวจ แล้วมาตอนนี้จะมาบอกว่าต้องปฏิรูปตำรวจ ก็ที่ผมพูดมาทั้งหมดแบบนี้ แล้วจะเอาอะไรกันอีก
“อดีต ผบ.ตร.” พูดถึงกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจต่อไปว่า แล้วที่สำคัญคือใครจะมาเป็นผู้ปฏิรูป จะให้ทหารมาปฏิรูปตำรวจหรือ ปรัชญาในการพัฒนาเขาบอกว่า "จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน จะกินต้องเตรียมอาหาร จะพัฒนาการต้องเตรียมประชาชน จะพัฒนาคนต้องพัฒนาที่จิตใจ จะพัฒนาใครเขาต้องพัฒนาตัวเราก่อน" แล้วตอนนี้คนจะมาพัฒนา ตัวเองได้พัฒนาหรือยัง จะมาพัฒนาตำรวจหรือ ตัวเองได้ดูตัวเองหรือยัง
“อย่างตอนนี้ยุคทหาร พูดกันว่าตอนนี้ตำรวจทุจริตแล้วทหารทุจริตหรือเปล่า ผมจะบอกว่าทหารนี่แหละเป็นหน่วยงานที่ทุจริตมาตั้งแต่เรื่องเกณฑ์ทหารแล้ว”
 พอทหารพวกนี้เข้าไปก็ต้องมีงบประมาณ ก็ตั้งแต่จัดหา เสื้อผ้า กางเกง เครื่องแต่งกายทหาร หมวก รองเท้า เข็มขัด แม้กระทั่งงบรักษาพยาบาลเจ็บป่วย อาหารการกิน เบี้ยเลี้ยง มีค่าใช้จ่ายหมดทุกอย่าง ยิ่งเวลาส่งทหารไปรับใช้ทหารชั้นผู้ใหญ่ ไปขับรถ เฝ้าบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทั้งที่เขาถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร แต่เอาไปรับใช้ส่วนตัวกันหมด นี่ก็คือการทุจริต แล้วบางทีปล่อยกลับบ้าน แต่ให้ทหารเซ็นเอาไว้แล้วเงินไปไหน ก็ทุจริต
หรือการฝึกทหารที่มีการตั้งงบการฝึก ปีหนึ่งตั้งงบฝึกไป 250 วัน แต่ฝึกจริงๆ 100 วัน อีก 150 วันงบหายไปไหน และภายในค่ายทหารมีรถยนต์เต็มไปหมด รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถขนส่ง ตลอดจนเครื่องมือสื่อสาร ยานพาหนะประเภทต่างๆ แต่นำไปใช้บ้างหรือไม่ แต่น้ำมันเต็มถังตลอด ผมเห็นมาตั้งแต่ผมเป็นตำรวจยศร้อยตรีมา ก็เห็นเพื่อนผมที่เป็นทหาร ก็ทำให้ ทราบมาว่ามีการแอบนำน้ำมันไปขายกัน บางทีออกจากปั๊มแทนที่จะเอามาส่งในค่ายทหาร ก็เลี้ยวเอาไปขายกัน ขณะที่ตำรวจมีรถไม่กี่คันในโรงพักต่างๆ และน้ำมันก็ไม่พอใช้อีกด้วย เพราะต้องใช้ทุกวันเพื่อไปติดต่อสืบสวนสอบสวนจับกุม ทำคดี  
หรืออย่างเงินเบี้ยเลี้ยงทหารในการสู้รบก็เบิกกันเต็มที่ แต่จริงๆ ไม่ได้ไป เอาตัวอย่างยุคนี้ก็ได้ ยุค คสช.คืนความสุขให้ประชาชน พอปฏิวัติก็มีการส่งทหารไปอยู่จุดต่างๆ เพื่อรักษาความสงบในพื้นที่ ซึ่งก็ถูกต้องที่ส่งทหารไปประจำหลังยึดอำนาจ แต่มาถึงตอนนี้มันปีกว่าแล้ว ยังไม่ถอนกำลังออกไปเลย อะไรกันหนักหนา จะนั่งกินเบี้ยเลี้ยงกันอยู่แบบนี้หรือ เพราะการออกมาจากหน่วยจากค่ายมันมีค่าใช้จ่ายมีเบี้ยเลี้ยงหมด คุณไปดูแถวบ้านผมบางขุนนนท์ จริงๆ อาจมีทหารมาอยู่ 10 คน แต่ถามว่าเบิกกันกี่คน อาจจะ 300 คนก็ได้  
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” กล่าวถึงปัญหาการทุจริตในกองทัพต่อไปว่า แล้วไปถึงระดับสูงพวกการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้างอาคาร ที่พัก แฟลต อาคารสถานที่ กองร้อย กองพัน กองพล อะไรต่างๆ การจัดซื้อรถถัง อาวุธ จรวด กระสุนปืนต่างๆ มีคอมมิชชั่นกันทั้งนั้น รถถังที่ซื้อไปคราวที่แล้วสมัยบิ๊กๆ ที่เป็นใหญ่อยู่ในเวลานี้ ถึงตอนนี้ยังวิ่งกันไม่ได้เลย บอลลูนลอยฟ้าก็ยังลอยไม่ได้ ไม้ตรวจวัตถุระเบิด ไม้ตีผี ซื้อมาก็แพงที่สุดอันละเป็นล้าน ทั้งที่ราคาจริงไม่เท่าไหร่ จนตอนนี้บริษัทที่ขายให้ที่อังกฤษติดคุกไปแล้ว แต่คนที่ร่วมด้วย ยังนั่งกันเฉย ก็ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ เอาไปเก็บไว้ที่ไหน เงินหมดไปอยู่ที่ไหน ตรวจสอบกันบ้างหรือเปล่า
“ผมจะบอกให้แม้กระทั่งบำเหน็จบำนาญยังโกงกันเลย เหมือนอย่างที่จะเยียวยาให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล กันในเวลานี้ ก็เพราะติดนิสัยแบบทหารไงคือโกง บำเหน็จบำนาญ ไปออกทวีคูณกันให้”
ที่เปิดประเด็นว่า ทหารมีการทุจริตเงินบำเหน็จบำนาญ มีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ขยายความไว้ดังนี้
 …อย่างทหาร ผมฟังจากเพื่อน อย่างเงินบำนาญ เขาจะต้องใช้เงินเดือนสุดท้ายคูณอายุราชการ หารด้วย 50 ถ้าอายุราชการ 50 ปี หมายถึงคุณต้องรับราชการตั้งแต่ 10 ขวบ ถึงจะมีอายุราชการ 50 ปี แล้วคุณจะได้บำนาญเท่ากับเงินเดือนเดือนสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ถึงหรอก เพราะคุณจะรับราชการ ทหารอาจได้เปรียบพลเรือน เพราะพอเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ก็ได้บรรจุเป็นพลทหารหรือพลตำรวจ ก็ได้นับอายุราชการแล้ว ก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ยังไม่ถึงอายุ 20 ปี ก็ประมาณอายุ 18 ปี ก็ถือว่าเริ่มรับราชการแล้ว เต็มที่ก็คือนับอายุราชการได้ 42 ปี แต่ถ้าได้ทวีคูณนิดหน่อยก็อาจจะถึง
อย่างผมได้อายุราชการตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจตอนอยู่ปี 1 ก็อายุประมาณ 18 ปี จนเกษียณตอน 60 ปี ก็นับได้ 40 กว่าปี แล้วผมไปได้อายุราชการทวีคูณตั้งแต่อยู่นาแก ก็นับตั้งแต่ร้อยตรี จนถึงผู้กำกับจังหวัดมุกดาหาร ก็บวกเข้าไปสิบกว่าปี ผมก็ได้อายุราชการประมาณ 50 กว่าปี ผมก็ได้บำเหน็จบำนาญเต็ม แต่ยังมีข้าราชการทหารอีกจำนวนมาก หรือตำรวจจำนวนมาก ไม่ถึงเกณฑ์แบบนี้ พอไม่ถึงตำรวจก็คือไม่ถึง
“แต่ทหารเขาคุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. พอไม่ถึงเกณฑ์ก็ไปใช้วิธีขอไป ท่านครับ พี่ครับ น้องครับ ช่วยออกคำสั่ง กอ.รมน.ให้ออกคำสั่งให้ผมไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อจะให้นับอายุทวีคูณเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ได้เต็ม แบบนี้เขาเรียกว่าโกงบำนาญ”
 …ทวีคูณแล้วก็ยังใจดี ให้เงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบอีก อย่างทวีคูณว่าให้ไปอยู่ภาคใต้แล้วก็ให้ปีละขั้น สมมุติว่าเป็นนายพลแล้วเงินเดือนสูง เช่นสมมุติตัวเลขเฉยๆ อย่างขั้นละ 4 พัน สองขั้นก็ล่อไป 8 พันบาทแล้ว คุณไปดูปลัดกระทรวง อธิบดี ที่เป็นข้าราชการพลเรือน เขาไม่มีเงินทวีคูณ เพราะเขาไมได้ พวกพลเรือนการนับอายุราชการก็จะไม่ถึง 50 ปี เขาก็จะได้บำนาญเดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท สูงสุดก็ 4 หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้นเอง แต่ของทหาร 6-7 หมื่นกันหมด ไปตรวจสอบที่กรมบัญชีกลางได้ เอารายชื่อทหารที่รับราชการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รับเต็มหมด
“แบบนี้เขาเรียกโกงบำนาญ แล้วทำไมไม่ปฏิรูปกันบ้าง จะมาปฏิรูปอะไรกับตำรวจ โกงตรวจจับรถผิดกฎหมายอะไรแค่นี้ มันไม่ได้มีอะไรมากมาย แค่นี้ก็แก้กันได้ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องมาปฏิรูปตำรวจ”
…แล้วที่เสนอให้ตั้งสำนักงานสอบสวนคดีอาญาตอนนี้ก็มีอยู่แล้วคือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สมัยก่อนยังไม่มีพวกนี้ ไม่มี ป.ป.ช. ไม่มี ป.ป.ท.ตำรวจเขาก็ยังทำได้ แล้วตอนนี้ก็แบ่งเอาออกไปแล้ว ยังจะมาให้ตั้งสำนักสอบสวนคดีอาญาอะไรกันอีก จะมาตั้งซ้ำซ้อนกันทำไม ตั้งมาแล้ว มีปัญญาทำหรือ จะมาสอบสวน แต่ไม่มีคนมาสืบสวนให้ ไม่มีคนไปติดตามจับกุมให้ ตำรวจเขาก็สืบสวนสอบสวนได้หมดแล้ว ตำรวจก็มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศอยู่แล้ว ตำรวจไม่ได้มีแค่ส่วนกลาง ยังมีภาคอีก มีตามอำเภอต่างๆ อีก
ถามว่าหน่วยงานที่จะให้ตั้งมา มีเครือข่ายเป็นใยแมงมุมแบบตำรวจไหม ไม่มีหรอก ถ้าจะตั้งจะต้องใช้งบประมาณอีกเท่าไหร่ วิธีก็แค่ตำรวจขาดอะไร คุณก็ให้เขาเต็มที่ก็หมดเรื่อง ถ้าเขาขาดคน ขาดเครื่องมือ ขาดเทคโนโลยี ก็ให้เขาเต็มที่ก็จะยิ่งทำงานได้ดีขึ้นกว่านี้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องตั้งสำนักสอบสวนคดีอะไรขึ้นมาเลย ผมจะพูดให้อย่างผมไปติดต่อบริษัทเอกชนให้มาทำงานให้ ผมยังบอกไปเลยพวกคุณดีแต่ด่าตำรวจ แต่ผมนัดพวกนี้ไม่เคยมาตรงเวลาเลย แล้วรับทำงานไปก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ทำงานไม่เสร็จตามเวลา ตำรวจตรงเวลาตลอด พวกนี้ยังแย่กว่าตำรวจอีก ไม่มีวินัย แล้วทีหลังจะมาด่าตำรวจผมจะอัดให้
เมื่อไม่เห็นด้วยกับการให้ปฏิรูปตำรวจ แล้วควรทำอย่างไรให้ตำรวจทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” มีข้อเสนอว่า ถ้าอยากยกมาตรฐานตำรวจให้ดีกว่านี้ ก็สนับสนุนตำรวจถ้าเขาต้องการอะไร ก็สนับสนุนให้เต็มที่ เหมือนอย่างที่กองทัพต้องการได้เรือดำน้ำ เขาคัดค้านกันแล้ว แต่คุณก็ยังจะเอา เขาไม่รบกันแล้วสมัยนี้ จะไปซื้อเรือดำน้ำ เอาเงินมาให้คนอยู่ดีกินดีมีความสุขไม่ดีกว่าหรือ พวกงบที่จะไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลายก็เอามาให้ประชาชน แต่ตำรวจอยากได้อะไร ไม่เห็นให้ตำรวจเลย
ถามย้ำว่า ไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปแค่ตำรวจ แต่เสนอว่าควรแก้ในจุดที่มีปัญหา แต่ไม่ถึงกับต้องสังคายนาตำรวจ “อดีต ผบ.ตร.” ย้ำหนักแน่น มันไม่มีความจำเป็น ถามว่าระหว่างทหารกับตำรวจ อย่างไหนควรปฏิรูปมากกว่ากัน
- แต่เรื่องปฏิรูปตำรวจ สปช.ก็ต้องการทำเรื่องนี้ รวมถึงยังเป็นข้อเรียกร้องหลักของ กปปส.?
พวก สปช.คุณไปแก้ไขตัวเองเสียก่อน พวกไปตั้งที่ปรึกษา เลขานุการ อะไรต่างๆ ไปตั้งลูกหลาน ตั้งคนที่ไม่มีความรู้อะไรมาเป็นที่ปรึกษา สปช. วัยวุฒิก็ไม่เหมาะสม ไปตั้งทั้งลูก ตั้งเมีย มารับเงินเดือนกัน แค่นี้ยังคิดโกงกันแล้ว แล้วอย่างอื่นจะไม่โกงกันหรือ ยกมือก็โกงกันอีก เอาแต่ไปว่านักการเมืองรับเงิน แล้วพวกนี้รับเงินไหม รวมถึงตั้งพวกที่มีข่าวทุจริตกัน ทำไมไม่สอบกัน อย่าลืมว่าพวกนี้คดีไม่หมดอายุความ ปัดโถ่ ไปดูตัวเองเสียก่อน
กปปส.เองก็ตัวทำลายชาติ ที่บ้านเมืองมีปัญหาทั้งหมดก็เพราะ กปปส.ทั้งนั้น พูดกันตรงๆ แฟร์ๆ ผมไม่ใช่นักการเมือง ไม่เข้าใครออกใคร เลือกตั้งกี่ครั้ง ประชาธิปัตย์ก็แพ้พรรคเพื่อไทยทุกที สู้ในสภาฯ ไม่ได้ก็เลยมาสู้นอกสภาฯ คนกรุงเทพมหานครไม่รู้จักพรรคอะไร ก็ประชาธิปัตย์ พรรคอื่นอย่างชาติไทย ชาติพัฒนา ภูมิใจไทยก็เข้ามาในกรุงเทพฯ ไม่ได้ คนกรุงเทพฯ ก็เห่อแต่ประชาธิปัตย์ กปปส.อย่ามาพูดเลย
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” มองเจตนาหลายฝ่ายที่พยายามกระทุ้งเรื่องปฏิรูปตำรวจว่า ก็ต้องการลดอำนาจตำรวจ กลัวตำรวจเป็นใหญ่นักหรือ ทุกคนก็พยายามจะทำอะไรเพื่อป้องกันตัวเอง ลองคืนอำนาจตัวให้กลับมาเหมือนเมื่อก่อนสิ ถ้าคืนอำนาจให้กลับมาแบบเดิม ตำรวจจะทำงานคล่องขึ้น ทำอะไรได้ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้กฎหมายก็คานกันอยู่แล้ว หากตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มันก็มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คุมอยู่ รวมถึงกฎหมายอื่นๆ อีก อำนาจกับหน้าที่มันต้องควบคู่กัน ถ้าอยากให้เขาทำงานดีก็ต้องให้อำนาจหน้าที่ งบประมาณเขาเต็มที่
ถามต่อไปว่า ฝ่าย คสช.เองก็พยายามจะบอกตลอดต้องปฏิรูปตำรวจ แต่ขอเวลาก่อน ดูเจตนาต้องการอะไร “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เห็นว่า จริงๆ แล้ว คสช.ควรทำเรื่องปฏิรูปการเลือกตั้งอย่างเดียว ประเด็นอื่นไม่ต้องไปจับ คสช.ทำเรื่องปฏิรูปการเลือกตั้งอย่างเดียวก็พอ โดยตั้งเป้าหมายให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้คนดีมาเป็น ส.ส. วันที่ยังเดินอยู่บนไม้ได้ แต่วันหนึ่งมันก็อาจจะผุอาจจะหัก ถ้าร่วงลงมาแล้วจะรู้สึก ถ้าเสียสละไปตั้งแต่วันนี้ยังดีกว่าจะไปหลงอำนาจ
แม้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องปฏิรูปตำรวจ แต่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ก็สนับสนุนการเดินหน้าทำโครงการ "ตำรวจเกณฑ์" โดยยกเหตุผลข้อดีของการมีตำรวจเกณฑ์ว่า ตำรวจปัจจุบัน พวกนายสิบตำรวจ จะรับ ม.6 เข้ามา แต่อาจมีนายสิบจบปริญญาตรี ปริญญาโทก็มี เพราะก็มีการไปเรียนต่อ แต่ส่วนใหญ่ ตำรวจทั่วประเทศ 2 แสน 2 หมื่นคน ก็จะมีที่จบ ม.6 เสีย 1 แสน 8 หมื่นคน พอนายร้อยก็ปริญญาตรี โรงพักหนึ่งๆ ก็มีนายร้อยตั้งแต่ ร.ต.ต.ไปจนถึงผู้กำกับก็อาจจะมีประมาณ 15 คน อยู่ในโรงพัก ก็ต้องเสียเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง สวัสดิการ ให้คนพวกนี้ตามที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็ทำได้เท่าที่เห็น
..ถ้ามีตำรวจเกณฑ์ก็แบ่งไปอยู่ตามโรงพักต่างๆ สมมุติโรงพักละหนึ่งกองร้อย แล้วก็ให้ตำรวจไปคอยฝึกอบรมตำรวจเกณฑ์ เหมือนที่ทหารก็ฝึกทหารเกณฑ์ให้ฝึกการใช้อาวุธเพื่อป้องกันประเทศ ตำรวจเกณฑ์ก็ฝึกให้ใช้อาวุธบ้าง สอนให้รู้จักกฎหมาย แต่พอไปตั้งด่าน หรือไปสืบสวนสอบสวนจับกุม ก็ให้มีตำรวจสัญญาบัตรเป็นหัวหน้า คอยพาพวกนี้ออกไป สัก 10 คนไปตั้งด่าน โดยให้พวกนี้เป็นแค่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานพอ ไม่ต้องให้เป็นเจ้าพนักงานตาม ป.วิอาญา ก็ไปคอยช่วยตรวจตราป้องกันโจรผู้ร้าย ก็เป็นแค่กำลังทำตามคำสั่ง พอเกณฑ์มาเมื่อครบก็ปลดประจำการแล้วก็เกณฑ์ใหม่ พวกตำรวจปกติก็จะมีสวัสดิการต่างๆ ไปตลอด แต่หากเป็นตำรวจเกณฑ์ก็ดูแลแค่ 2 ปี แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหนุ่มๆ ก็ไม่เจ็บป่วยอะไร ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการต่างๆ ให้เหมือนตำรวจทั่วไป ก็จ่ายเฉพาะเบี้ยเลี้ยงประจำวัน
 แล้วพวกนี้พอพ้นจากตำรวจเกณฑ์ไปแล้ว หากไปทำอาชีพอื่น ยังไงก็ต้องมีจิตวิญญาณการเป็นตำรวจมาก่อน เขาก็จะช่วยสอดส่องดูแลอะไรต่างๆ ให้ หากมีโจรผู้ร้ายอะไรต่างๆ ที่ไหนก็ช่วยบอกตำรวจได้ คอยเป็นหูเป็นตาให้ตำรวจ แม้กระทั่งจะช่วยจับยังได้ เพราะก็เคยฝึกการเป็นตำรวจเกณฑ์มาแล้ว มีประสบการณ์ 2 ปีมาแล้ว ก็เป็นประโยชน์และช่วยลดงบประมาณได้ด้วย
…………………………………………….
ผบ.ตร.คนใหม่
ตั้งไม่ดี คสช.เสื่อม
          การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ในปีนี้ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่มีการแข่งขันสูสีมากที่สุดปีหนึ่ง ซึ่งล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เปิดเผยว่าจะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ได้ภายในสัปดาห์หน้านี้
          ความเห็นในเรื่องนี้ของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.” ย้ำว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ควรต้องยึดหลักอาวุโสเป็นที่ตั้ง หาก คสช.ไม่ยึดหลักดังกล่าวก็จะเสียหายเอง เพราะที่ผ่านมาคนก็มองกันไปในทางเดียวกันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยุค คสช.มีความพยายามจะช่วยเหลือสนับสนุนแต่พวกเดียวกันมากเกินไป ดูได้จากกรณี พล.ต.ท..ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
…อย่างเรื่อง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ที่ปกติตามหลักกฎหมายเมื่อส่วนราชการถูกฟ้องก็ต้องมีการอุทธรณ์ทุกคดี แต่พอกรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์กลับมีการแก้ไขมติ ก.ตร. โดยมีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลังเป็นคนสั่ง โดยแก้ไขเป็นว่าการจะอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุดให้ ก.ตร.มาพิจารณาก็ได้ อย่างนี้ก็เลือกปฏิบัติได้ ทั้งที่รัฐถูกฟ้องที่ศาลปกครองก็ต้องสู้คดีกันให้ถึงที่สุด พอศาลปกครองกลางตัดสินออกมาผมก็บอกว่า ก.ตร.ต้องอุทธรณ์ ตอนแรกก็มีมติอุทธรณ์ แต่ก็มีคนสั่งไปอีก มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยให้ประชุมใหม่ แล้วเปลี่ยนมติเป็นไม่อุทธรณ์
“มันก็เอื้อกัน เอื้อเฉพาะพวกพ้องเพื่อต้องการวางทายาทในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางตัว พล.ต.ท.ศรีวราห์เพื่อจะให้มาเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปให้ได้”
 สมัยก่อนก็วาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แล้วต่อด้วย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ แล้วก็ตามด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ แต่เหตุการณ์เปลี่ยนไป พล.ต.อ.วัชรพลไม่ได้ขึ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้ขึ้นแทน พอ คสช.เข้ามาก็โยก พล.ต.อ.อดุลย์ไปไว้สำนักนายกรัฐมนตรีก่อน หวังจะให้ พล.ต.อ.วัชรพลได้เป็น ผบ.ตร.สัก 1-2 เดือน แต่ พล.ต.อ.อดุลย์รู้ก็ไม่ยอมลาออกจาก ผบ.ตร.ให้ ไปแกล้งเขา พล.ต.อ.วัชรพลก็เลยไม่ได้เป็น ผบ.ตร. แล้วก็จะมาวางศรีวราห์ไว้เป็นทายาทอีก
ก็ฮั้วกันไปฮั้วกันมาแบบนี้ พอตอนแรกจะอุทธรณ์ก็มาเปลี่ยนเป็นไม่อุทธรณ์ ผิดทั้งนั้น แล้วก็จะมารีบเยียวยาให้เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. เสร็จแล้วการแต่งตั้งประจำปีนี้จะหวังให้มาเป็นรอง ผบ.ตร.เลย ปัดโถ่ จะอะไรกันนักกันหนา สนใจคนอื่นๆ เขาบ้างสิ ตำรวจคนอื่นๆ กว่าเขาจะชนะคดีได้ ไม่ใช่แค่ชนะในชั้นศาลปกครองกลาง ต้องสู้ไปถึงศาลปกครองสูงสุด ใช้เวลาตั้งหลายปี แล้วพอชนะคดีในศาลปกครองสูงสุดก็ยังไม่เยียวยาให้เขาเลย จนป่านนี้ยังมีอีกมากรอการเยียวยาตั้งเยอะแยะ
แต่ทำไมกรณีศรีวราห์ ศาลตัดสินเสร็จก็รีบมีมติแล้วมาเปลี่ยนมติไม่อุทธรณ์ แต่ตำรวจคนอื่นกลับไม่ทำให้ แล้วถามว่าการปฏิวัติกับการเลือกตั้งแบบไหนมันดีกว่ากัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยุค คสช.ในช่วงหนึ่งปีกว่าเป็นอย่างไรในมุมมอง “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เขาวิพากษ์ตรงๆ แรงๆ ตามสไตล์ว่า ก็เลือกคนผิดตั้งแต่ต้น อำนาจการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ เขาให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้เลือกข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ. เสนอชื่อให้ ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบ แต่ คสช.มาออกคำสั่งเปลี่ยนให้ ผบ.ตร.เป็นคนเสนอคัดเลือก โดยไม่ต้องเป็น พล.ต.อ.แบบเดิมแล้ว แต่กำหนดให้ต้องเป็นรอง ผบ.ตร. เอาแค่ตำแหน่งหลัก พวก พล.ต.อ.ซึ่งเป็นที่ปรึกษา สตช.ไม่มีสิทธิ์แล้ว ก็ให้ ผบ.ตร.เสนอชื่อมา
 ของเดิมก็แฟร์ให้นายกฯ เป็นคนเลือก แต่อันใหม่มาให้ ผบ.ตร.เลือก แล้วถามจริงๆ ผบ.ตร.มีอำนาจเสนอชื่อเข้าไปใหม่ เขาก็ต้องเป็นคนสั่งอยู่ดีว่าเออให้เสนอชื่อคนนี้เข้ามา แล้วที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงให้รอง ผบ.ตร.เสนอวิสัยทัศน์มาประกอบการพิจารณา แล้ววิสัยทัศน์คุณเองสู้รอง ผบ.ตร.พวกนั้นได้หรือไม่ เพราะทั้งชีวิตไม่เคยทำงาน ถ้ารอง ผบ.ตร.ที่เขาทุ่มเททำงานเสนอวิสัยทัศน์ดีๆ แล้วคุณมีปัญญาเสนอชื่อไปไหม
“อย่ามาหลอกประชาชน ถ้ารัฐบาลสั่งว่าให้คุณเสนอชื่อ พล.ต.อ.คนนี้เข้ามา คุณก็ต้องเสนอ ที่ให้ส่งวิสัยทัศน์ไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำไปก็หลอกชาวบ้านไปอย่างนั้น ใบสั่งมันล็อกไว้แล้ว”
 แต่ผมบอกตรงๆ ตำรวจกับทหารมันไม่เหมือนกัน เพราะทหารนอกจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็ยังมีกองบัญชาการทหารสูงสุด สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อย่างสมมุติรอง ผบ.ทบ.ที่ก็จะมีรอง ผบ.ทบ. มีผู้ช่วย ผบ.ทบ. สมมุติตัว ผบ.ทบ.เกษียณ ตามหลักก็ต้องให้รอง ผบ.ทบ.ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. จะเอาผู้ช่วย ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.ทบ. โดยที่รอง ผบ.ทบ.ก็ยังอยู่ เอาผู้ใต้บังคับบัญชาไปปกครองผู้บังคับบัญชาได้ยังไง ทหารเขามีกองบัญชาการทหารสูงสุด มีสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถ้าเขาอยากได้ผู้ช่วยมาเป็น เขาก็จะเอารอง ผบ.ทบ.ที่ไม่ได้ขึ้นโยกไปอยู่กองบัญชาการทหารสูงสุด ไปเป็นรอง ผบ.สส.หรือรองปลัดกระทรวงกลาโหมอะไร เพื่อให้ออกไปจากตำแหน่งเดิม ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ก็ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยไม่ต้องไปปกครองผู้บังคับบัญชาคนเดิมของตัวเอง
แต่ตำรวจต่างกัน ก็มีรอง ผบ.ตร.เรียงตามลำดับอาวุโส ซึ่งรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 เขาก็ต้องเคยเป็นผู้บังคับบัญชารอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสลำดับถัดๆ ไปที่เคยเป็น ผช.ผบ.ตร.มาก่อน
“ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเลือกผู้มีอาวุโสอย่างเดียวมันถึงจะถูกต้อง ถ้าไปเลือกคนอาวุโสต่ำกว่าก็จะเป็นการไปเอาผู้ใต้บังคับบัญชามาปกครองผู้บังคับบัญชา ความร่วมมือจะไม่มี แต่ถ้ายึดหลักอาวุโสอย่างเดียว การเมืองก็ไม่นั่น สมัยก่อนก็ยึดหลักอาวุโสทั้งนั้น”
 ลองไล่ดูได้อดีตอธิบดีกรมตำรวจ อดีต ผบ.ตร. ในอดีต พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.เภา สารสิน, พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์, พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ, พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา, พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ จนมาถึงผมก็อาวุโส ผมเป็นจเรตำรวจ แล้วถูกถีบไปเป็นที่ปรึกษา สบ. พอสมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มีการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ตามกฎหมายให้เลือกข้าราชการตำรวจยศพล.ต.อ. ก็มีทั้งรอง ผบ.ตร., จเรตำรวจ, ที่ปรึกษา ตอนนั้นผมเป็นที่ปรึกษาแต่ผมอาวุโสสูงสุด พลเอกสุรยุทธ์ก็เลือกผมเป็น ผบ.ตร.เพราะท่านยึดหลักอาวุโส
“รัฐบาล คสช.ถ้าไม่อยากให้เป็นที่ครหาก็ต้องยึดหลักอาวุโสก็จบ ก็จะไม่มีที่ตำหนิ เพราะคนมาเป็นรอง ผบ.ตร.ก็มีความรู้ความสามารถเหมือนกันหมด”
อย่างไรก็ตาม เมื่อขอให้ระบุชื่อเลยได้หรือไม่ ว่ารอง ผบ.ตร.ทั้ง 5 คน ใครเหมาะสมเป็น ผบ.ตร.มากสุด “อดีต ผบ.ตร.” ผู้นี้ไม่ขอบอกชื่อ แต่ย้ำว่าต้องอาวุโส ก็ไปดูว่าใครอาวุโส ตรงนี้ก็ต้องให้เกียรติเขา เพราะเขารับราชการมาจนปีสุดท้ายแล้ว ยังจะถูกแย่งถูกโกงอะไรอีกหรือ คสช.ทำอะไรอย่าให้มีข้อครหา
อย่างเมื่อ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ผมทำหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะมัวแต่จะเยียวยาให้กับ พล.ต.ท.ศรีวราห์อย่างเดียว โดยไม่สนใจตำรวจคนอื่นเลย เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ จนคนอื่นเขารู้แล้วว่า คสช.ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับเขาเลย เลือกที่รักมักที่ชัง ถ้าเป็นคนของ คสช.ก็จะโปรโมตอย่างเต็มที่
อย่างคราวที่แล้ว ตั้งไอ้โจ๊ก (พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล-กอง บก.)  เป็นผู้การได้ ยกเลิกทวีคูณเลย ตัดบันไดทิ้ง คนอื่นจะได้ตามไม่ทัน วางไอ้โจ๊กจะให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ต่อจากนี้ไปอีกหลังมี ผบ.ตร. 3-4 คนข้างหน้า มันเป็นความอัปยศอดสูในยุคที่ คสช.มีอำนาจ ก็ทำตั้งแต่ คสช.มีอำนาจแรกๆ แล้ว ยกเลิกโทษ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
เชื่อว่า ก.ต.ช.ไม่กล้าเยียวยาอะไรให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ หลังผมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ขั้นตอนทุกอย่างมันผิดกฎหมายมาหมด การกำหนดตำแหน่ง ถึงจะมีอำนาจแต่ก็ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย เยียวยาก็เยียวยาสิ ก็จะมีการตั้งระดับ ผบ.ตร., รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร. อยากเยียวยาศรีวราห์ก็ตั้งไปสิ จะต้องไปเปิดตำแหน่งอะไรให้เปลืองภาษีประชาชนทำไม การกำหนดตำแหน่งเพื่อเยียวยาให้ศรีวราห์มันผิดเจตนารมณ์ และกระบวนการต่างๆ ก็ผิดมาตลอด ไปเปลี่ยนมติไม่ยอมอุทธรณ์คดี
 - ถ้าการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้มีปัญหาจะส่งผลอย่างไรต่อ คสช. จะหมดความชอบธรรมไหม?
ไม่หมดหรอกแต่เขาก็จะเสื่อม ตอน คสช.ยึดอำนาจใหม่ๆ ผมก็โอเค น้องๆ ออกมาทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่ คสช.เดินผิด ก็เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อไปก็ผิดเรื่อยๆ เพราะพลเอกประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกฯ เอง แล้วก็ไม่ต้องไปปฏิรูปอะไรมากมาย ยึดอำนาจมา ก็ปฏิรูปเลือกตั้งอย่างเดียวก็พอแล้ว ออกคำสั่ง คสช.มาแล้วก็เลือกตั้งเลย ต่างชาติก็จะไม่ได้กดดันเราแบบนี้ ประชาชนก็เดือดร้อน จะมาบอกว่ากดก็กดไปไม่ใช่เมืองขึ้น พูดแบบนี้ใครก็พูดได้แต่ใครได้รับผลกระทบ ก็คือประชาชน 
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ย้ำว่า จากที่พูดถึงภาพรวม สตช.ในยุค คสช. ทำให้เขาเห็นว่า สตช.ในยุคคสช.กับยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย และคิดว่ายุคนี้แย่กว่าด้วย
...สมัยรัฐบาลเลือกตั้งยังไม่กล้าทำขนาดนี้ สมัยก่อนตอนยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตอนนั้นผมเป็นผู้บัญชาการสอบสวนกลาง แล้วจะดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ขึ้นให้ได้ แต่ตอนนั้นเขาเป็น ผช.ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผมเป็น ผช.ผบ.ตร. ปีที่ 6 แต่คุณเพรียวพันธ์นับได้แล้วเป็นผู้ช่วยอยู่ปีที่ 1 ครึ่ง ผมอยู่เป็น ผช.ถึง 6 ปี เพราะมีการบีบไม่ให้ผมขึ้น เขาจะดันเพรียวพันธ์ขึ้นให้ได้ ก็มีการนำตำรวจไปอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีโดยให้ยศ พล.ต.อ.ไป ทำให้เพรียวพันธ์กระเถิบตำแหน่งมาใกล้กับผม แต่อาวุโสยังไงก็ต่างกันเพราะไม่สามารถทำอายุให้เกินผมได้ แต่ถึงเวลาจริงๆ ผมนึกไม่ถึง เขาตั้งเพรียวพันธ์ไปเป็นรอง ผบ.ตร.ก่อนผม
 ผมก็ฟ้อง ตอนหลังคุณทักษิณก็มาเจรจากับผม บอกขอให้ผมถอนฟ้องแล้วจะให้ผมขึ้นก่อน ก็เป็นเหตุที่มาทำให้ผมถอนฟ้อง แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ผมขึ้นไปได้เพราะถูกปฏิวัติไปก่อน แต่ผมก็เชื่อในคำพูดที่ตกลงกันตอนนั้น เพราะเพรียวพันธ์ยังเป็นหลังผมตั้ง 4 ปี จะรีบแซงผมไปทำไม แค่คิดก็ผิดแล้ว แต่ยุคนี้มีใครกล้าฟ้อง คสช. วิจารณ์ยังไม่ได้เลย
ถามถึงจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนมีอำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร.อาจอ้างเรื่องสถานการณ์พิเศษอะไรแล้วดันรอง ผบ.ตร.คนอื่นที่ไม่ได้อาวุโสสูงสุดมาเป็น ผบ.ตร. เพราะคราวที่แล้ว พล.ต.อ.สมยศที่อาวุโสน้อยกว่า พล.ต.อ.เอกก็ยังได้เป็น ผบ.ตร. “อดีต ผบ.ตร.” ผู้นี้ยอมรับว่าก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ก็แล้วแต่เขา แต่มันจะถูกต้องชอบธรรมไหม ถ้าเขาอยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ต้องยึดหลักตามระบบ แต่ถ้าทำอย่างที่ถาม ถามว่าเขาทำได้ไหม-ก็ทำได้ แต่จะถูกด่าไหม ผมก็ด่าแน่ เพราะผมก็ถือว่าเป็นตำรวจเก่า ผมก็รักองค์กรผม จะมาทำลายองค์กรผมได้ยังไง มันก็ไม่ถูกต้อง ตั้งคราวที่แล้วผมยังด่าเลย
พร้อมกันนี้ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ยังมีข้อเสนอด้วยว่า หากต้องการให้ตำรวจเป็นอิสระ ปลอดจากการเมือง ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไม่มีการวิ่งเต้น ก็ต้องเริ่มที่การตั้งผู้นำอย่าง ผบ.ตร.ก่อน ด้วยการให้ข้าราชการตำรวจเป็นคนเลือก ผบ.ตร.โดยตรงเลย โดยมีคำอธิบายดังนี้
…ผมบอกเลย อย่างสมัยนักการเมืองมีอำนาจก็มี พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปัจจุบันที่ให้นายกรัฐมนตรีเสนอตั้ง ผบ.ตร. พอตอนนี้ทหารยึดอำนาจมา ทหารก็เขียนคำสั่ง คสช.ให้หรูบอกว่าให้ ผบ.ตร.เป็นคนเลือกเข้ามา แต่ความจริงก็สั่งอยู่ดี แล้วให้ ก.ต.ช.เห็นชอบ
สรุปแล้วไม่ว่าจะยุคไหนยุคการเมืองมาจากการเลือกตั้งหรือยุค คสช. ถ้าตราบใดที่นักการเมืองหรือนายกรัฐมนตรียังแต่งตั้ง ผบ.ตร.ได้ ผบ.ตร.ก็ต้องอยู่ใต้อำนาจ อย่างตอนนี้ที่คนซึ่งไม่ได้เป็นนายกฯ บอกให้เปลี่ยนมติ ก.ตร.ก็ยังต้องยอมเลย เปลี่ยนจากเดิมจะอุทธรณ์ก็ไม่อุทธรณ์ทั้งที่นายกฯ ไม่ได้สั่ง แต่คนที่อ้างเป็นประธาน ก.ตร.สั่งก็ยังยอมเปลี่ยน แล้วหากนายกฯ สั่งจะไม่มีการเปลี่ยนได้ยังไง มันก็ไม่มีอิสระ
“จะมีอิสระก็คือ คสช.คุณประยุทธ์ต้องสละอำนาจตัวเอง ออกคำสั่ง คสช.มาเลยให้การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ให้ข้าราชการตำรวจเลือกกันเองจากที่เป็นรอง ผบ.ตร.”
คนเติบโตขึ้นมาต้องสร้างคุณงามความดีให้ตำรวจเห็น พอจะเลือก ผบ.ตร.ก็ให้ไปลงคะแนนกันที่สถานีตำรวจ ตำรวจจะเลือกใครก็เลือกไปเลย ไม่มีการซื้อคะเสียงได้ ก็ลงคะแนนเลือกกันที่โรงพัก แล้วโรงพักรวบรวมคะแนนมาส่งที่กองบังคับการจังหวัดแต่ละจังหวัด แล้วจังหวัดส่งไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค แล้วภาคก็ส่งไปที่ ตร. ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จก็ได้ ผบ.ตร.แล้ว นายกฯ ก็สั่งปลดไม่ได้ เขาก็มีอิสระ แต่หากทำไม่ดีก็ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการลงโทษไว้ได้ ถ้าเขาทำผิด.

ไม่มีความคิดเห็น: