PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

นักเคลื่อนไหวสิทธิในไทยชี้กระบวนการส่งอุยกูร์ให้จีนไม่โปร่งใส

ชี้กระบวนการส่งอุยกูร์ให้จีนไม่โปร่งใส กลุ่มนักสิทธิและภาคประชาสังคมมุสลิมเรียกร้องรัฐบาลเปิดข้อมูลให้หมด แถมระบุการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนไม่กี่คน ย้ำห่วงผลกระทบต่อสถานะไทยในเวทีโลกของไทยรวมทั้งความสัมพันธ์กับโลกมุสลิม
นักรณรงค์เรื่องสิทธิและภาคประชาสังคมหลายคนได้แถลงเรื่องนี้ที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทยวันนี้ ทุกคนเรียกร้องไทยให้ละเว้นจากการส่งตัวอุยกูร์ที่เหลือให้จีนอีก
นายสุนัย ผาสุก แห่งกลุ่มฮิวแมนไรซ์วอช กล่าวถึงการส่งตัวอุยกูร์ของไทยว่านอกจากละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว หากยึดถือตามข้ออ้างของไทยที่ว่าทำไปเพราะจีนส่งหลักฐานยืนยันว่าพวกเขาพัวพันการกระทำผิดในจีนนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนส่งการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ไม่สามารถตัดสินใจและส่งตัวได้ทันที ขณะที่นางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ มูลนิธิศักยภาพชุมชนกล่าวว่า จะต้องพิจารณาด้วยว่า หลักฐานที่จีนนำเสนอนั้นเป็นมาตรฐานของใคร เพราะแม้แต่คำว่าก่อการร้ายในทัศนะของจีนก็เป็นเพียงผู้ที่จีนถือว่าต่อต้านรัฐบาล เป็นคำจำกัดความในเรื่องของการก่อการร้ายที่ต่างจากขององค์กรที่ทำงานในภาคประชาสังคม
นายสุนัย กล่าวด้วยว่า ในกระบวนการส่งตัวกลับพบว่ากระทำอย่างลับๆและรีบร้อน ในยามวิกาลและไม่มีการแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ตนเองถูกปลุกในตอนกลางคืนด้วยโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากนักกิจกรรมอุยกูร์ในไทย แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ขณะที่นางชลิดาระบุว่า จากการที่พยายามขอเข้าพบเพื่อหาคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ที่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องก็พบว่า การตัดสินใจส่งตัวอุยกูร์ให้จีนหนนี้เป็นการตัดสินใจของคนกลุ่มน้อยในรัฐบาลเพียงไม่กี่คนโดยที่เจ้าหน้าที่แม้แต่ของกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่รู้
นอกจากนั้นนายสุนัยกล่าวด้วยว่า การจะบังคับส่งตัวโดยใช้หลักพิสูจน์สัญชาติ ก็จะต้องมีองค์กรอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพิสูจน์สัญชาติโดยเฉพาะ UNHCR หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ซึ่งในเรื่องนี้ไทยก็ไม่ได้ทำเนื่องจากยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุชัดในแถลงการณ์ว่าไม่รู้ข่าวมาก่อน นอกจากกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ไทยยังละเมิดหลักการเรื่องไม่ให้ส่งตัวกลับหากเห็นว่าจะเป็นอันตรายอันเป็นข้อที่ระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันการซ้อมทรมานที่ไทยรับรองไปแล้ว ถือว่าทำผิดพันธกรณีระหว่างประเทศชัดเจน แม้ไม่มีบทลงโทษแต่เรื่องนี้จะมีผลต่อสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทบความพยายามที่อยากจะเข้าไปมีที่นั่งในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และที่สำคัญคือกระทบความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศมุสลิม
นายอาลี อารีฟ แห่งเครือข่ายภาคประชาสังคมมุสลิมเผยว่า ขณะนี้กลุ่มพยายามขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือหนทางแก้ปัญหาเพราะเจ้าหน้าที่คนอื่นไม่มีความรู้และไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ อันที่จริงกลุ่มชื่นชมรัฐบาลไทยที่ส่งตัวอุยกูร์จำนวนหนึ่งให้กับตุรกีซึ่งทั้งผู้ที่จะไปและผู้รับต่างเต็มใจ ขณะที่เสียใจกับการที่อุยกูร์เข้าก่อเหตุในสถานกุงศุลไทยในตุรกี แต่ในเรื่องของการส่งตัวไปจีนนั้นถือว่ากระบวนการนี้ผิดพลาด กลุ่มเรียกร้องให้ไทยและจีนรับผิดชอบในเรื่องการดูแลคนที่ส่งไปแล้ว ในขณะที่สำหรับอุยกูร์ที่ยังเหลืออยู่ขอให้ทางการไทยไม่ส่งตัวให้จีน และขอให้กลุ่มองค์กรต่างๆที่ทำงานด้านมนุษยธรรมได้เข้าให้การช่วยเหลือได้
นางชลิดากล่าวด้วยว่า การส่งตัวอุยกูร์ให้กับจีนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสิบวันสุดท้ายของการถือศีลอดซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำบาปอย่างยิ่งและไม่เหมาะสมอย่างมากที่สุด ถือว่าผู้ที่ตัดสินใจไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนทางศาสนา นางชลิดาเรียกร้องรัฐบาลให้ยืนยันจะดูแลอุยกูร์อีก 60 คนที่มีข่าวว่าเหลืออยู่พร้อมกับขอให้รัฐบาลจีนเคารพในความเป็นมนุษย์ของคนที่รับตัวไป ด้านนายอาลีระบุว่า ตอนนี้ตนต้องตั้งความหวังว่ารัฐบาลจีนจะไม่ทำอะไรเกินเลยแม้จะอ้างว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้กระทำผิดก็ตามโดยต้องคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของคนเหล่านั้นด้วย
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนยืนยันว่ารัฐบาลกระทำตามกฎหมายในการส่งตัวอุยกูร์ให้กับจีน โดยพล.อ.ประยุทธ์ยืนยันตามคำชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศว่า ไทยยึดหลักการพิสูจน์สัญชาติและการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
ในภาพ นายอาลี อารีฟร่วมแถลงข่าวช่วงบ่ายวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น: