PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชาวเติร์ก



ชาวเติร์กเป็นชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงอนาโตเลีย อพยพมาจากทางทิศตะวันออกของตุรกี เดิมชาวเติร์กเป้นเพื่อนสนิทกับชาติพันธุ์มองโกล มองโกลเป้นชาติพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูง ชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตชาวเติร์กอาศัยอยู่บนหลังม้า การขี่ม้าของชาวมองโกลนั้นเป้นวัมนธรรมที่เด็กผู้ชายมองโกลทุกคนต้องเรียนรู้ อัตลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของชาว มองโกลคือการเร่ร่อนไปตามที่ราบต่างๆบริเวณมองโกลเลีย และมักจะหยุดพักเมื่อตะวันตกดิน เรียกว่าค่ำใหนนอนนั่น ชีวิตชาวมองโกลคือการเร่ร่อน ชาวมองดกลจึงจะพกกระโจมเคลื่อนที่อยู่เสมอ

และเมื่อถึงเวลาตะวันตกดินชาวมองโกลก็จะกางกระโจมของตน เรียกได้ว่าอีกครึ่งของชีวิตชางมองดกลนั้นคือการใช้ชีวิตในกระโจม เด็กๆชาวมองดกลทุกคนจะเกิดในกระโจม

ชาวเติร์กสืบ สาเหตุที่อพยพมาจากที่ราบสูงมองโกลนั้นเนื่องจากสภาพทางธรรมชาติ ประชากรที่เพิ่มขึ้นต้องมีการหาปัจจัยยังชีพเพิ่มมากขึ้น จนอพยพย้ายถิ่นบานมาทางที่ราบทะเลทรายที่เราเรียก ว่าอาหรับนั่นเอง ต่อมาได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ที่ราบสูงอนาดตเลียและตั้งราชวงศ์ปกครองเองขึ้นมา ด้วยต้นทุนเดิมของชาวเติร์กที่ชอบอยู่บนหลังม้าและเร่ร่อนเป้นชีวิตจิตใจเหมือนกับชาวมองโกลทำให้ชาวเติร์กมีทักษะการรบด้วยการขี่ม้าเหนือกว่าชาติอื่นๆ ชาวเติร์กนั้นมีอยู่เผ่าหนึ่งที่นับถือศาสนายูดาย

เมื่อชาวเติร์กมีอำนาจเหนือราบสูงอนาโตเลียแทนที่เซลจุกเติร์ดแล้ว การครองอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของชาวเติร์กก็ถือกำเนิดขึ้น ชาวเติร์กรับอิสลามเป้นศาสนาและที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจมีอิทธิพลมาจากชาวอาหรับที่รับอิสลามโดยการถือกำเนิดของศาสดาแห่งมวลมนุษยชาติ มูฮัมมัด ด้วยการที่ชอบเร่ร่อนจึงรับอิทธิพลศาสนาอิสลามเข้ามา เมื่อรับศาสนาอิสลาม เติร์กกลายเป้นอาณาชาวมุสลิมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติสาสตร์ด้วยอาณาบริเวณที่กว้างให๋ยไพศาลครบอคลุมสามทวีป เอเชีย แอฟริกา และยุโรป

ปัจจุบันชาวเติร์ก อาศัยอยู่ในหกรัฐเติร์ก เราเรียกว่า เติร์กิซรีพับลิก รัฐที่มีอำนาจและโดดเด่นของชาวเติร์กคือ ตุรกีหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรออตโตมาน โดนอาตาร์เติร์ก มุสตาฟากามาล ที่
รับแนวคิดชาตินิยมจากโลกตะวันตก ได้เรียกร้องให้ชาวเติร์กกลับมาสู่การปกครองของชาวเติร์กที่เคยยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการสถาปนารัฐตุรกีขึ้นและได้ปล่อยให้อาหรับเป็นรัฐอิสระภายใต้การให้ความสนับสนุนจากชาติตะวันตกที่เข้ามาในภูมิภาคตะวันออกกลาง ตามสนธิสัญญา ไซเคทพิคอท


การสถาปนารัฐตุรกีขึ้นมานั้นเรียกได้ว่าเป้นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชาวเติร์กมุสลิมและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อย่างออตดตมานเนื่องจาก แนวคิดของ มุสตาฟากามาล เป้นแนวคิดแยกรัฐออกจากศาสนา
ทำให้มีการฟื้นฟูการใช้ภาษาเตริ์กกิซอีกครั้งหลังจากอยู่ภายใต้อิทธิพลของภาษาอาหรับหลังจากการับอิสลามและการเป้นอาณาจักรออตโมาน เคมาลเรียกร้องให้กลับมาใช้ภาษาเติร์กิซและใช้อักขระโรมาไนซ์ เช่นเดิม

ชาวเตริ์กในยุคปัจจุบันที่อยู่ในรัฐเติร์กทั้ง6 มีเพียงเติร์กทางเอเชียกลางที่มีความคล้ายคลึงกับเติร์กโบราณมากที่สุด คล้ายกับชาวมองโกล ส่วนเติร์กที่อยู่ในตุรกีนั้นมีการแต่งงานข้ามสายพันธุ์กับชาวกรีกและยุโรป เนื่องจากอิสตันบูลและตุรกีเป้นประตูสู่ยุดรกใกล้กับยุโรปมาก ประกอบในอดีตอาณาจักรออตโตมานมีอาณาเขตไกลถึงยุโรปทำให้มีการแต่งงานข้ามสายพันธุ์เพื่อเผยแพร่ศาสนาอิสลาม และการรับศาสนาอิสลามของชาวยุโรปในสมัยนั้นมีอิทธิพลต่อการแต่งงานข้ามสายพันธุ์เช่นกันรวมทั้งนางสนมของบรรดาผู้นำออตโตมานที่นำสาวสตรีจากยุกโรปมาเป้นนางสนมทำให้เติร์กในตุรกีไม่ใช่เติร์กที่บริสุทธิ์ แต่เป้นเติร์กที่มีหน้าคล้ายและใกล้เคียงชาวยุโรปมาก
//////////////
ความเป็นมาของชาวเติร์กและตุรกี
 
 - ชนเชื้อสายเติร์กก่อนครอบครองอนาโตเลีย เป็นชนเผ่าเร่ร่อนใช้ภาษาเตอร์กิค (Turkic) อยู่ในเอเชียกลางแถบเทือกเขาอัลไตในมองโกเลียในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ได้อพยพไปอยู่ในดินแดนต่าง ๆ และ
แถบทะเลสาบแคสเปียน

- อาณาจักรเซลจุก (ค.ศ.1077-1118) เป็นอาณาจักรแรกของชนเชื้อสายเติร์กในอนาโตเลีย โดยชาวเติร์กเผ่าเซลจุก (Seljuk) ได้ขยับเข้าไปใกล้เอเชียไมเนอร์และรบชนะกษัตริย์ไบแซนไทน์ เปิดทางให้ชนเผ่าเติร์กจากเอเชียกลางหลั่งไหลเข้าสู่ดินแดนอนาโตเลีย

ภายใต้การปกครองของมองโกล เซลจุกครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ของอนาโตเลียเกือบ 100 ปี แล้วล่มสลายจนถูกมองโกลรุกรานทางด้านตะวันออก ทำให้ชาวเติร์กแตกเป็นแว่นแคว้น จนเมื่อแคว้นออตโตมันตั้งตัวเป็นอิสระและสามารถยึดครองดินแดนของอาณาจักรไบแซนไทน์ส่วนใหญ่และยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในปี ค.ศ.1453 จึงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นอิสตันบูล อนาโตเลียจึงเข้าสู่ยุคจักรวรรดิออตโตมัน

จักรวรรดิออตโตมัน(ค.ศ.1299-ค.ศ.1923) ได้แผ่ขยายไปยังคอเคซัส ตะวันออกกลางจดอ่าวเปอร์เซีย ทางตะวันตกครอบคลุมบอลข่านจดแม่น้ำดานูบ รอบทวีปแอฟริกาตอนเหนือจดแอลจีเรีย และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงศตวรรษที่ 16 ทั้งด้านการทหาร ศิลปะและวัฒนธรรม ก่อนจะเริ่มเสื่อมอำนาจลงเพราะไม่สามารถต้านทานสมรรถนะทางทหารของมหาอำนาจตะวันตกได้ดินแดนที่เคยอยู่ในอำนาจ ได้แก่ บัลแกเรีย โรมาเนีย และเซอร์เบีย เริ่มแยกตัวเป็นอิสระ มีการปฏิวัติภายในประเทศจากกลุ่มนายทหารหนุ่มที่เรียกว่า “Young Turks” ในปี ค.ศ 1909 ลิดรอนพระราชอำนาจของกษัตริย์

และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งออตโตมันเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะและพ่ายแพ้ ภูมิภาคอนาโตเลียส่วนใหญ่และฝั่งยุโรป รวมทั้งนครอิสตันบูล ถูกฝ่ายพันธมิตรยึดครอง จนมุสตาฟาเคมาลจัดตั้งรัฐบาลที่อังการาและทำสงครามกอบกู้เอกราชจนประสบชัยชนะและจัดตั้งสาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) โดยมีกรุงอังการาเป็นเมืองหลวงในปี ค.ศ. 1923 จักรวรรดิออตโตมันที่ยาวนานกว่า 600 ปี ได้ล่มสลายลง ตุรกีสูญเสียดินแดนส่วนใหญ่คงเหลือคาบสมุทรอนาโตเลียและฝั่งยุโรปเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยมุสตาฟาเคมาลซึ่งได้รับสมญาว่า “อตาเติร์ก”(Atatürk) หรือ “บิดาของชาวเติร์ก”เป็นประธานาธิบดีคนแรกและได้พัฒนาตุรกีสู่ความทันสมัยแบบตะวันตก แยกศาสนาออกจากการเมือง(secular state) ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยจนถึงปัจจุบัน
////////////

ไม่มีความคิดเห็น: