PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

(ย้อนหลัง2555)สงครามประชาชน-แช่แข็งประเทศ?


สงครามประชาชน-แช่แข็งประเทศ?
บทความ วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 16:50น.
416819
ในขณะของสถานการณ์ ที่น่าจับตา ต่อข่าวการนัดชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาล มีความน่าสนใจใน "ชุดข้อมูล" บางชุดที่ถูกส่งไปยัง "วอร์รูมของรัฐบาล" ต่อ "สารตั้งต้น" ในการก่อการของ "องค์การพิทักษสยาม" ที่มีการระบุถึง "คณะบุคคล"3-4 คน ที่ถูกอ้างถึง ว่า อยู่เบื้องหลังการวางสเต็ปก้าวของ "พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์" "เสธ.อ้าย" อันเชื่อมโยงกับ"คณะก่อการ" ชุดเก่า ที่เคยร่วมปฏิบัติการล้มรัฐบาล "ทักษิณ"
เป็น "คณะบุคคล" ในระดับปฏิบัติการวางแผน ไม่ใช่ระดับบัญชาการระดับสูงในครั้งโน้น แต่เติบโตและมีบทบาทในพ.ศ.ปัจจุบัน ที่ประกอบไปด้วย นายทหารที่มีบทบาทในปัจจุบันและอดีต อย่าง "ป","ช","ส" และ "ส" ที่ยังไม่ พลเรือน และอดีตนายทหารที่บางคนเคยอยู่ในชุดนำการปฎิบัติการมวลชนกับพันธมิตรประชาขนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2548

น่าสนใจที่ ใน "แพลนปฏิบัติการ" 2-3 หน้ากระดาษดังกล่าว สอดรับกับการออกมาเปิดเผยครั้งแรกๆ ของ "เสธ.อ้าย"ก่อนที่จะมีความพยามเปลี่ยนเวิล์ดดิ้งและความหมาย หลังถูกฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย และ คนเสื้อแดงนำไปเป็น"ประเด็นโจมตี" ถึง "เป้าประสงค์" ของการ "ปฏิบัติการมวลชน" เรือนล้าน โดยองค์การพิทักษ์สยามในการขับไล่"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ว่า ต้องการ "หยุด" หรือ "แช่แข็งประเทศไทย" เป็นเวลา 5 ปี

น่าสนใจที่ มีการอ้างจากในวอร์รูม ว่าแพลนปฏิบัติการอันสอดรับกับความเคลื่อนไหวสู่วันที่ 24-26 พ.ย. 55 ถูก วางคอนเซ็ปต์ไว้ ที่การสร้างเงื่อนไขไปสู่ "สงครามประชาชน" โดยแพลนถูกกำหนดให้พยายามสะสมกำลังมวลชนให้ได้มากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวร่วมประชาชนอันเป็น "ความชอบธรรม" ของการเคลื่อนไหวการขับไล่รัฐบาลที่มี"ทักษิณ" คิด เพื่อไทยทำ...โดยพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น และการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล ผ่านการอภิปรายเวทีคู่ขนาน ในสภาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนอกสภา การเปิดเวทีปราศรัยโจมตี พร้อมๆการปลุกเร้าให้มวลชนออกมาแสดงพลังเพื่อขับไล่รัฐบาล

แต่ก็น่ากังวลที่ ในแพลนนี้ไม่ได้วางเป้าประสงค์หรือผลที่จะเกิดขึ้นใดๆจาก การชุมนุมของประชาชนเพื่อขับไล่รัฐบาลโดยใช้ "เหตุผล" หากแต่ถูกอ้างจากวอร์รูมติดตาม ว่า มีการกำหนดให้ "มวลชน" ล้านนี้ เป็นเพียง "เครื่องมือ" ไปสู่"ปฏิบัติการ" การยึดอำนาจ และหนนี้ ถูกประเมินว่า เป็นการปฏิบัติการแบบรวดเร็วไม่ทอดยาวแบบภายใต้ยุทธวิธีการสลับเปลี่ยนมวลชนทางทหาร ของฝ่ายปฏิบัติการ

น่ากังวลที่ว่า แม้รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เตรียมรับมือสถานการณ์รุนแรง แต่หากเหตุการณ์ครั้งนี้ดำเนินไปสู่การ "สร้างเงื่อนไข" ข้ออ้างการ "จุดติด" ด้วยการสร้างสถานการณ์แทรกซ้อน ของ "มือที่สาม" หรือ "ชายชุดดำ" หรือ "ไอ้ปื้ด" ที่เคยชอบอ้างเกิดความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนที่มักเคยเกิดขึ้นภายใต้วิธีคิดของฝ่ายอำนาจ เมื่อนั้นผู้ที่ยับเยินบาดเจ็บล้มตายนั้น หาใช่เหล่าบรรดาช้างสาร หากแต่มันจะเป็นเหล่าบรรดา"หญ้าแพรก"
อย่างไรก็ตาม มีความน่าสนใจอีกว่า หากเป็นไปตามที่ว่า หลังความสงบตกอยู่ภายใต้ฝ่าย "ผู้รักษาความสงบ" เมื่อถึงเวลาแล้ว ในเชิง "ผล" หลัง "เหตุ" และการวางจังหวะต่อไปของ "คณะก่อการ" หนนี้ถูกระบุว่า มีการวางไปสู่รัฐบาล ที่ปราศจาก "นักการเมือง" ส.ส.ที่มาในรูปแบบตัวแทนการเลือกตั้งของประชาชน หากแต่จะมาจากการแต่งตั้งจากอาชีพต่างๆ คล้ายกับครั้งที่มีการรัฐประหารและมีการตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งขาติ ขึ้นมา ส่วนครม.จะมาจากบุคคลที่ได้รับความน่าเชื่อถือทางสังคมด้านต่าง

เมื่อถึงเวลานั้นแต่ละฝ่ายจะยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ แน่นอนฝ่ายที่จะเป็นยาดำยาแดงก็คือ เสื้อแดง คงไม่อยู่เฉยยอมถูก "แช่แข็ง" แน่ เราอาจได้เห็นภาพเก่าฉากเก่าอันเจ็บปวด ถูกนำมาฉายซ้ำอีกครั้ง และประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ?

ไม่มีความคิดเห็น: