PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

(ย้อนหลัง2555)สัญญาณปะทะ


สัญญาณปะทะ
บทความ วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ.2555 17:49น.
355516
มีความน่าสนใจใน "รายละเอียด" ที่ลึกลงไปในโฉมหน้า "ครม.ยิ่งลักษณ์ ๒" หลังชิมลางประชุมครั้งแรก (๒๔ ม.ค. ๕๕) ไม่แต่เฉพาะบรรดารัฐมนตรี คนที่เคยเป็นมือไม้ใกล้ชิด "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในเครือบริษัทชินวัตร หรือ รัฐมนตรีตัวแทนจาก "มวลชนคนเสื้อแดง" ที่เข้ามา..
เป็นรายละเอียดที่อาจเป็นการสะท้อนภาพความเป็นไป ที่จะเกิดขึ้นถัดไปจากนี้ ก่อนถึงไทม์มิ่งสำคัญทางการเมือง กับการกลับมาอีกครั้งของรัฐมนตรีบ้านเลขที่ ๑๑๑ ในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ ที่หาได้มีแต่ "ปฏิกริยาตกกระทบ" มาจากฝ่ายกองทัพ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีข้อเสนอประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ยิ่งนานวันยิ่งลึกซึ้ง กินวงเข้าไปแตะกับประเด็นหมิ่นเหม่ และน่าเสียวไส้มากขึ้นของ"กลุ่มนิติราษฎร์" เท่านั้น..
หากแต่ยังมีรายละเอียดที่ "ลุ่มลึก" ในบริบทของ "ฝ่ายบริหาร" ภายใต้พรรคเพื่อไทย อันมีส่วนผสมทั้ง ทุน + พรรค + มวลชน + กองกำลังอำนาจรัฐ ที่ดูจะมีนัยแฝงเร้นในการ "ขับเคลื่อน" เพื่อเอาชนะการเมือง กับ "ขั้วอำนาจฝ่ายตรงข้าม" แบบไม่กระโตกกระตาก เหมือนปี ๒๕๕๑
น่าสนใจในอาการให้สัมภาษณ์แบบเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ ของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ที่เป็นที่พูดกันใน "วงใน" หลายวงสนทนาการเมือง ทั้งฝ่ายค้าน - รัฐบาล ว่า กำลังถูก "ล็อกเป้า" เพื่อเข้าจัดการ.. ภายใต้การหยิบยกสถานการณ์เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ มาเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับ..
และการจะทำให้สถานการณ์จบลงที่ข้อสรุปเหล่านั้น แน่นอน ย่อมมีทั้งยุทธการแบบลับลวงพราง แยกกันเดิน ร่วมกันตีแบบ "โอบล้อม" ก่อคลื่นกระแสให้สับสน.. ของทั้งพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง โดยโฟกัสไปที่ "จุดเปราะบาง"ของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ไม่ทันตั้งตัว ดังการเข้าไปแตะแก้ไขประเด็นการเอาผิดเอาโทษ ด้วยการแก้ มาตรา ๓๐๙ ภายใต้การรุกเร้าอำพรางผ่าน มาตรา ๑๑๒ หรือ แม้กระทั่งประเด็นที่มาของคณะที่จะเข้ามายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ..ที่ถึงบางจังหวะก็จะมีการออกมาจุดพลุในประเด็น..เหล่านี้
ที่ไม่แปลกว่าพอมีการแตะ จะเกิดปฏิกิริยาจากบรรดาผู้เกี่ยวข้องในสถานการณ์ห้วงเวลานั้น ที่ไม่แต่เพียงฝ่ายการเมืองอดีตรัฐบาล พันธมิตรฯ หากแต่ยังมีฝ่ายกองทัพอย่าง "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ. ที่ห้วงเวลาก่อนการเปลี่ยนผ่านอำนาจ จาก "พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา" "พล.อ.ประยุทธ์" เสธ.ทบ. ห้วงเวลารัฐบาลพลังประชาชนขณะนั้น เป็น เสธ.ทบ. ที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง
ยิ่งเมื่อ ครม.ยิ่งลักษณ์ ๒ จัดหนัก กับการมอบเก้าอี้ "รมว.กลาโหม" คนใหม่ให้ "พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต" ตท.๑๐ ผู้มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนอย่าง "พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต" ตท.๑๐ ที่ล้วนมีร่องรอยประวัติศาสตร์ทีลืมกันไม่ลงของคนกองทัพใน ห้วง ๕ ปีที่ผ่านมา กับความพลิกผันเปลี่ยนแปลงหลังการจบเฟสงานของ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" ผู้ทำการรัฐประหาร และส่งไม้ต่อไปยัง "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา" จนมาถึงยุคของ "พล.อ.ประยุทธ์" ที่เป็นการขึ้นมาสู่แผงอำนาจของ ตท.๑๒ และทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" ..ภายใต้การล่มสลายหายไปจากหน้าปัดของ ตท.๑๐ ที่ไปปรากฏเป็น "กุนซือ" ด้านความมั่นคงของพรรคเพื่อไทยในห้วง๑ - ๒ ปีที่ผ่าน.. จึงไม่แปลกที่ฝั่งกองทัพจึงจะเริ่มมีการขยับกรุ่นๆ.. จากคนที่ยังอยู่ จนทำให้ "บิ๊กทหาร" บางคน ออกมากระแทกท็อปบูทส่งสัญญาณกันตรงๆ ไปถึงใครบางคน.. ความหมายทำนอง.. อาจมี "ขออภัยในความไม่สะดวก(อีกครั้ง)" ที่แม้จะยืนยัน ย้ำว่า "ไม่มีแน่" จาก"พล.อ.ประยุทธ์" แต่ในอาการกระเพื่อมกลับ "ไม่ปกติ" ยิ่ง..เป็นที่ทราบ และ "พล.อ.อ.สุกำพล" ก็ยอมรับเองว่า การเข้ามาจัดกำลังในกองทัพ เป็นหนึ่งในภารกิจ..ก็ยิ่งทำให้แนวรบด้านนี้ น่าจับตาเช่นกัน
ขณะที่หันมาทางด้าน "รัฐมนตรีช่วยเกษตร" .. "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ในความธรรมดาที่สื่อสารไปถึงความเป็น "รัฐมนตรีแดง" นั้น กลับมี "ความไม่ธรรมดา" ในการวางหมากยุทธ์ โยนหินถามทาง ยิ่งกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว เพื่อเข้าจัดการทางการเมืองกับพื้นที่ ภาคใต้ตอนบน ภายใต้อิทธิพลของ "กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ" ที่จะมีการเชื่อมต่อไปถึงปัญหา "ราคายางพารา" ตกต่ำ และเรื่องราวอัน "ลึกซึ้ง" ของน้ำปัญหามันปาล์ม ในห้วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ทั้งหมดทั้งมวล ถูกต่อเชื่อมสายสัมพันธ์อันโยงใยไปถึง "กลุ่มทุน" ของพรรคในพื้นที่จังหวัดอันดามัน ของพรรคประชาธิปัตย์ หลายๆ คน ..ภายใต้สถานะ "ลูกเขย" ที่ทำให้ "ณัฐวุฒิ" มีแบ็คอัพในการเข้าจัดการกับเรื่องเหล่านี้แบบ "เจาะฐานที่มั่น" ทางการเมืองของอีกฝ่าย ที่ไม่แปลกกับปฏิกริยาตกกระทบ แบบ "รับน้อง" ... "รัฐมนตรีใหม่" จะปรากฏผ่าน โรงเรียนมัธยมกัลยาณี จ.นครศรีธรรมราช ที่ "ณัฐวุฒิ" เคยเรียน
ขณะเมื่อหันมาทางด้านตำแหน่ง "เชื่อมประสาน" ข้ามประเทศระหว่างรัฐบาล กับคนแดนไกล มติ ครม. วันแรกที่ออกมา ทั้งการแบ่งงานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แบบเต็มแม็กซ์ ให้ "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" ทั้งคุมสื่อ คุมสำนักปลัด สคบ. และอีกหลายๆหน่วยงาน เช่นเดียวกับภาพของการสลับ "อารีย์ ไกรนรา" ไปเป็น ผช.เลขาฯรมต.เกษตรฯ โดยให้ "คนผมขาว" ที่เคยทำงานใกล้ชิด "พ.ต.ท.ทักษิณ" อย่าง "ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์" มาเป็นเลขาฯ มท.๑ ที่จะนำไปสู่การเข้าไปช่วยดูแล จัดการภาพร่าง การปกครองส่วนภูมิภาค ของกระทรวงมหาดไทย ให้ละเอียดมากขึ้น..
ขณะเดียวกัน เมื่อมาผนวกกับ "ปฏิกริยา" ที่กล่าวถึง "บุคคลที่สาม" อย่าง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ผู้ว่าฯกทม. คนของพรรคประชาธิปัตย์ ในที่ประชุม ครม. จากปมประเด็น "น้องน้ำ" และการจัดการหลังน้องน้ำไป ที่ปรากฏภาพความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ กทม.และทำท่าว่า จะมีการ "จัดหนัก" กับ ผู้ว่าฯกทม. อีกคน
ทั้งหมดทั้งมวลจึงโทษไม่ได้ที่จะเกิดปฏิกิรยา "กระเพื่อม" จากทุกตัวละคร ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ทั้งถูกอ้างกล่าวหาถึง...รวมถึงอาการโต้แรงหนักๆ เข้มๆ จาก "อภิสิทธิ์" ไปถึง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ว่าเป็น "ปัญหา" ที่แท้จริงของทุกปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ..อันเป็น "สัญญาณปะทะ" ที่น่าจับตาจุดตกกระทบถัดไปจากนี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ตามหมุดหมายว่า จะทำให้ประเทศไทย บานปลายกันอีกไหม และขนาดไหน..?

ไม่มีความคิดเห็น: