PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

(ย้อนหลัง2555)สัญญาณร้าย 'ฮิซบุลลอฮ์'


สัญญาณร้าย 'ฮิซบุลลอฮ์'
บทความ วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ.2555 9:02น.
353668
แม้หลายฝ่าย รวมถึง ทูตทหารสหรัฐ ภายใต้การเรียกร้องจากรัฐบาลไทยให้สหรัฐ ถอนคำเตือนให้ระวังการก่อการร้าย วินาศกรรมในกรุงเทพฯ และประเทศไทยของกลุ่ม "ฮิซบุลลอฮ์" จะบอกว่า ไม่มีประเด็นเชื่อมโยงที่การวินาศกรรมก่อการร้ายจะเกิดขึ้นในประเทศไทย...แต่ก็ได้ทำให้หลายฝ่าย ไม่กล้ามองข้ามการเข้ามาของ "มอสสาด" - "CIA"อย่างเปิดเผยหนนี้เป็น "มอสสาด" หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล และ CIA หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ ที่ "ฮิซบุลลอฮ์" ปักใจว่า มีความเกี่ยวข้องกับการสังหารแกนนำสำคัญของพวกเขา เมื่อหลายปีก่อน รวมถึง นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ มือหนึ่งของอิหร่าน ที่เพิ่งถูกระเบิดแม่เหล็กสังหารไปล่าสุด โดยก่อนหน้าคำเตือนนี้ มีการอ้างถึงแหล่งข่าวด้านกลาโหมอิสราเอล  ซึ่งเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฮาอาเรตซ์ ว่า ทางการไทย กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อยับยั้งการก่อเหตุร้าย โดยคาดว่า อาจเกิดขึ้นก่อน วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันครบรอบการลอบสังหาร อิหมัด มุกห์นิเยห์ (Imad Mughniyeh) แกนนำระดับสูง และหัวหน้าชุดปฏิบัติการของ ฮิซบุลลอฮ์  ทั้งนี้ มุกห์นิเยห์ เสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ในซีเรีย เมื่อปี ๒๕๕๑  หลังตกเป็นเป้าการลอบสังหารของ "มอสสาด" (Mossad)  หน่วยสืบราชการลับของอิราเอล มานานหลายปี
คำเตือนดังกล่าว แม้จะส่งผลกระทบภาพความเชื่อมั่น ความมั่นคงปลอดภัย ของประเทศไทยในสายตาต่างประเทศ และส่งผลกระทบในหลายด้าน แต่ในทางกลับกัน ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ให้เข้าสู่ "โหมดระวัง" ป้องกันมากกว่าปล่อยปละให้เกิดขึ้นแล้วค่อยป้องกัน...
ขณะเดียวกัน "คำเตือน" ดังกล่าว ได้เปิด "เงื่อนไข" ว่า สถานการณ์ดังกล่าว พร้อมที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย...จากกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้และอาจเป็น "เงื่อนไข" ให้กลุ่มหวังผลทางการเมืองอื่น ทั้ง "ภายใน" และ "ภายนอก" สามารถสร้างสถานการณ์ซ้อนได้เช่นกัน...
แต่ที่สำคัญคือการทำให้เกิด "เงื่อนไข" อันชอบธรรมมากขึ้นของการเข้ามาอย่าง "เปิดเผย" ของ "หน่วยข่าวลับ" จากประเทศ "คู่ขัดแย้ง" ของสถานการณ์อย่าง สหรัฐ-อิสราเอล และ อีกหลายๆ ประเทศ ที่อ้างถึงการเข้ามาปักหลักแทรกแซงกิจการภายในประเทศได้มากขึ้น เช่น เหตุการณ์เมื่อ ปี ๒๕๔๗ กับข่าวการเข้ามาเปิดศูนย์ข่าวเพิ่มของ CIA ในพื้นที่ด้ามขวานของไทย... ก่อนที่ถัดจากนั้นจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย...ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ (จวบจนบัดนี้) และห้วงเวลานั้นขยายผล นำมาสู่สถานการณ์ความไม่สงบ ทั้งความมั่นคงการเมือง  ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ณ "ศูนย์กลางอำนาจรัฐ" กรุงเทพฯ ในปีถัดๆ มา รวมถึงชายแดนรอบประเทศ พม่า-เขมร
และยิ่งดูจะสอดคล้องรับกับแนวทางนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐ "โอบามา" เมื่อเร็วๆ นี้ กับการวางยุทธศาสตร์ให้กองทัพสหรัฐ พุ่งเป้าหมายมาที่เอเชีย จากเดิมที่ ตะวันออกกลาง...พร้อมๆ กับปรากฏการณ์ ชูบทบาทของ "ออง ซาน ซูจี" สัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งใน "ทางการ" และทางภาพยนตร์ที่กำลังจะฉายเร็วๆ นี้  อันเป็นบทหนึ่งของการเตรียมเปิดประเทศของพม่า สู่โลกภายนอก กับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ภายใต้การเข้าๆ ออกๆ ของบุคคลสำคัญจากสหรัฐ...ในประเทศพม่า...ท่ามกลางท่าที...ไม่พอใจของจีน...
ภายใต้จังหวะก้าวของกลุ่มประเทศอาเซียน การเปิดเสรีการค้าอาเซียน ที่ภูมิภาคอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและอาหาร แห่งนี้ จะเป็นดั่ง "โอเอซิส" ของโลก ในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า...และจะกลายเป็นพื้นที่การแย่งชิงผลประโยชน์จากบรรดามหาอำนาจซีกโลกตะวันตก ที่มี "สหรัฐ" เป็นผู้นำ และมหาอำนาจซีกโลกตะวันออก ที่มี "จีน" เป็นผู้นำ ที่กำลังฉายภาพซ้ำ ยุค "ล่าอาณานิคม" ในอดีต แทนที่ภูมิภาคตะวันออกกลาง...ที่น้ำมันกำลังจะหมดไป...หลังจากถูกหลายประเทศเข้าไปวุ่นวายก่อสงคราม...แย่งชิงน้ำมัน...
ไม่แปลกที่ "สัญญาณ" ที่ถูกจุดพลุ และตามมาด้วยฉากต่างๆ เป็นชุดๆ โดยสถานทูตสหรัฐ หนนี้  ไทยมีแต่สภาพ"เสียมากกว่าได้"  ไม่ว่าจะทั้งระยะสั้น กับ "เงื่อนไข" ของสถานการณ์ก่อการร้าย จากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ที่พร้อมใช้สิ่งเหล่านี้เป็น "ข้ออ้าง" ในการสร้างสถานการณ์ และ "ระยะยาว" กับการเข้ามาแทรกซึมและแทรกแซง อันนำมาซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นอันวุ่นวาย ติดตามมาในบ้านเรา และภูมิภาคอาเซียน ที่เคยสงบสบายๆ และกำลังเข้าสู่โซนเปิดเสรีการค้า ก็จะไม่สงบ สบาย ปลอดภัย ไร้กังวล  แบบที่เหล่าบรรดาประเทศตะวันออกกลาง เคยเจอในห้วง ๒ ทศวรรษ ที่ผ่านมา...

ไม่มีความคิดเห็น: